GMMลงดาบเชือด น็อตกราบรถสั่งยกเลิกสัญญายุติงาน

บริษัท จีเอ็มเอ็มทีวี จำกัด ลงดาบเชือด พิธีกรดัง 'น็อต อัครณัฐ' กราบรถ สั่งยกเลิกสัญญา ยุติงานทุกประเภท มีผล 7 พ.ย. ด้าน สว.นท. เรียกคืนรางวัลคนไทยตัวอย่าง ขณะที่ ผบ.ตร. สั่งเร่งดำเนินคดี ชี้ รับไม่ได้ ยันให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

หลังจากก่อนหน้านี้ได้มีการยกเลิกงานแถลงข่าวของดาราหนุ่ม น็อต อัครณัฐ เกี่ยวกับเหตุการณ์คลิปทำร้ายร่างกายคู่กรณีที่ขับขี่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนรถหรูของดาราหนุ่ม โดยอ้างว่าหวั่นจะเสียรูปคดี ล่าสุดทางต้นสังกัด บริษัท จีเอ็มเอ็มทีวี จำกัด ส่งจดหมายชี้แจงมายังสื่อมวลชน ระบุว่า

จากเหตุการณ์การเผยแพร่คลิปพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมของ น็อต อัครณัฐ ผ่านทางโซเชียลมีเดีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานั้น บริษัท จีเอ็มเอ็มทีวี จำกัด ในฐานะต้นสังกัด รู้สึกเสียใจกับการกระทำดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง และเห็นถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น จากฐานะการเป็นพิธีกรและนักแสดง ซึ่งควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชน บริษัทฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจกับกรณีที่เกิดขี้น โดยได้พิจารณาถึงบทลงโทษ เพื่อจะได้ไม่เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีแก่เยาวชนและสังคม ตามนโยบายของบริษัทฯ ที่ไม่สนับสนุนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

โดยมีข้อสรุปว่า บริษัทฯ ได้ยกเลิกสัญญาการเป็นพิธีกรและนักแสดง ในสังกัดของบริษัทฯ และขอยุติการทำงานทุกประเภทของ น็อต อัครณัฐ โดยมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

บริษัท จีเอ็มเอ็มทีวี จำกัด 

7 พฤศจิกายน 2559

ถอดชื่อ"น็อต อัครณัฐ"พร้อมเรียกคืนรางวัลคนไทยตัวอย่าง

สมัชชานักจัดรายการข่าววิทยุโทรทัศน์หนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย แถลงการณ์ เรื่องขอถอดชื่อ นายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล หรือ น็อต ออกจากทำเนียบประวัติ และเรียกคืนรางวัล "คนไทยตัวอย่าง" ประจำปี 2559 เนื่องจากแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม จากกรณี นายอัครณัฐ อริยฤทธิ์กุล หรือ น็อต พิธีกรและนักแสดง ได้แสดงพฤติกรรมทีเกิดขึ้นจนมีการเผยแพร่ทางโลกสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง ทางคณะกรรมการสมัชชา
นักจัดรายการวิทยุโทรทัศน์หนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย (สว.นท) ได้ทราบเรื่องกรณีดังกล่าวและที่ประชุมมีความเห็นว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุและเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่อสังคมไทย จึงขอเรียกคืนรางวัลคนไทยตัวอย่าง ประจำปี 2559 ตัดรายชื่อในทำเนียบของบุคคลที่เข้ารับรางวัลคนไทยตัวอย่างประจำปี 2559 ของ นายอัครณัฐ ออก โดยทางสมัชชาฯ จะส่งหนังสือไปทางต้นสังกัด นายอัครณัฐ อย่างเป็นทางการต่อไป

ไทยพีบีเอสปลด"น็อต"ทุกรายการ

สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ซึ่ง น็อต เป็นพิธีกรอยู่ คือ รายการ ‘Thailand Science Challenge’ รวมถึงการแสดงละครโทรทัศน์อยู่อีก 1 เรื่องคือ ‘ก๊วนสืบหลังเลิกเรียน’ ก็มีประกาศออกมาว่าจะระงับการออกอากาศผลงานทั้งหมดของ น็อต อัครณัฐ เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นการกระทำที่เป็นแบบอย่างที่ไม่เหมาะสมแก่เด็กและเยาวชน โดยมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ผบ.ตร.สั่งเร่งดำเนินคดี'น็อต'กราบรถชี้รับไม่ได้

พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าคดี นายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล หรือ น็อต ดารา พิธีกร ถูกรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนรถมินิคูเปอร์ของตัวเอง และได้ลงจากรถไปทำร้ายร่างกาย และบังคับ นายกิตติศักดิ์ สิงโต ผู้ขับรถจักรยานยนต์ให้กราบรถ จนเกิดกระแสทางโซเชียลมีเดียอย่างหนัก ว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้รีบดำเนินการ เพราะหลังจากดูคลิปแล้ว เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ และเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ สำหรับคดีนี้ แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือ ความผิดตามพ.ร.บ.จราจร ที่เมื่อเฉี่ยวชนแล้วไม่หยุดรถ เพื่อแจ้งเหตุกับเจ้าหน้าที่ ส่วนที่สองคือ การทำร้ายร่างกาย ซึ่งทั้งสองส่วนนี้เป็นความผิดลหุโทษ หลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวน ได้เรียกทั้งคู่มาสอบปากคำ และได้แจ้งข้อหากับน็อต ในข้อหาทำร้ายร่างกายและจิตใจ ส่วนการสอบปากคำ นายกิตติศักดิ์ ให้การยอมรับว่า เป็นผู้ชนและหนีจริง ซึ่งหลังจากการสอบสวน ได้ปล่อยตัวผู้ต้องหาไปชั่วคราว หลังจากนี้ต้องรอความเห็นจากแพทย์ว่าจะเข้าข่ายทำร้ายร่างกายธรรมดา หรือทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส หากเป็นเหตุทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส ก็จะต้องเพิ่มโทษขึ้นอีก ต้องรอทางแพทย์วินิจฉัย ลงความเห็นภายใน 1 สัปดาห์ เบื้องต้นยังไม่ทราบว่า นายกิตติศักดิ์ จะต้องใช้เวลารักษาตัวนานแค่ไหน

ส่วนกรณีที่ น็อต มีบิดาเป็นทนายความนั้น ยืนยันว่า ไม่มีผลต่อรูปคดี และยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดรถจักรยานยนต์และมินิคูเปอร์ มาตรวจสอบแล้ว ที่กองบังคับการตำรวจจราจร

พล.ต.ต.ทรงพล กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นจากที่เห็นในคลิปวิดีโอ ยังไม่ปรากฏว่า นายกิตติศักดิ์ จะทำร้ายร่างกาย นายอัครณัฐ มีเพียง นายอัครณัฐ ทำร้ายร่างกาย นายกิตติศักดิ์ เท่านั้น และไม่มีการโต้ตอบ โดยมองว่าเหตุนี้เป็นเหตุบันดาลโทสะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ แต่อย่างไรก็ตาม ยังต้องรวบรวมภาพจากกล้องวงจรปิดจากพื้นที่ใกล้เคียงให้ชัดเจน และสอบปากคำพยานที่อยู่ในเหตุการณ์อีกครั้ง