จะเป็นอย่างไร? หากสหรัฐฯในยุค “ทรัมป์” วุ่นวายกับเอเชียน้อยลง

จะเป็นอย่างไร? หากสหรัฐฯในยุค “ทรัมป์” วุ่นวายกับเอเชียน้อยลง

จะเป็นอย่างไร? หากสหรัฐฯในยุค “ทรัมป์” วุ่นวายกับเอเชียน้อยลง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้เชี่ยวชาญต่างมองว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะทำให้สหรัฐฯมาวุ่นวายกับปัญหาของเอเชียน้อยลง น่าจะส่งผลให้จีนแผ่อิทธิพลในเอเชียได้อย่างสะดวกขึ้น

โดนัลด์ ทรัมป์ จะก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯในปีหน้า หลายฝ่ายต่างจับตาว่า เขาจะดำเนินนโยบายอย่างไรต่อทวีปเอเชีย ซึ่งถ้ามองกันที่ประเทศแรกคือ ญี่ปุ่น ที่นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น จะเป็นผู้นำเอเชียคนแรกที่ได้พบปะกับทรัมป์ ระหว่างการเดินทางไปประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มความร่วมมือเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก หรือ เอเปก ที่เปรู ซึ่งผู้นำญี่ปุ่นน่าจะถือโอกาสนี้กระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยญี่ปุ่นยังอยากรู้ว่า ทรัมป์มีแผนจะเข้าหาเกาหลีเหนืออย่างไร ซึ่งทดสอบนิวเคลียร์ไปในปีนี้ ซึ่งทรัมป์เคยพูดว่า เขายินดีที่จะให้คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือมาเยือนสหรัฐฯ

ส่วนจีนก็กำลังจับตานโยบายการค้าของทรัมป์อย่างใกล้ชิด หลังทรัมป์ขู่จะทำสงครามการค้ากับจีน และกล่าวหาจีนข่มขืนเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ผู้เชี่ยวชาญในจีนมองว่า ทรัมป์เป็นคนฉลาด และคงไม่ทำสงครามการค้ากับจีนแน่ หากหวังได้รับเลือกกลับมาเป็นผู้นำสหรัฐฯอีกสมัย คำพูดแบบนั้นน่าจะพูดไปเพื่อหาเสียงเป็นหลัก

ผู้เชี่ยวชาญในจีนยังมองว่า ทรัมป์น่าจะพุ่งเป้าไปที่เรื่องภายในประเทศ ดังนั้น จึงมีแนวโน้มที่สหรัฐฯในยุคของทรัมป์ อาจจะไม่ได้มายุ่มย่ามในประเด็นทะเลจีนใต้อีก และเนื่องจากทรัมป์ทำให้สหรัฐฯแตกแยกอยู่ในเวลานี้ จึงไม่น่าจะมีเวลามาวุ่นวายกับเรื่องนอกประเทศ

มาที่ประเทศเกาหลีใต้กันบ้าง ชัยชนะของทรัมป์มีขึ้นในช่วงที่เกาหลีใต้กำลังย่ำแย่ เพราะประธานาธิบดีปาร์ค กึนฮเย กำลังเดือดร้อนจากเรื่องอื้อฉาวคอร์รัปชั่น จนก่อให้เกิดการประท้วงเรียกร้องให้นางปาร์คลาออก เกาหลีใต้จึงไม่ได้ส่งใครไปพบปะกับทรัมป์จริงจัง ทั้งที่สหรัฐฯมีแผนจะติดตั้งระบบป้องกันภัยขีปนาวุธแบบซับซ้อนในเกาหลีใต้ แต่ทรัมป์เคยพูดระหว่างการเลือกตั้งว่า เขาจะพิจารณาถอนทหารสหรัฐฯที่อยู่ในเกาหลีใต้ออกมา หากเกาหลีใต้ไม่ยอมเสียค่าใช้จ่ายในการนี้เพิ่มขึ้น

ปิดท้ายที่ฟิลิปปินส์ หลังจากผู้นำฟิลิปปินส์ด่ากราดประธานาธิบดีบารัค โอบามา หลายรอบก่อนหน้านี้ ก็คาดว่า หลังสหรัฐฯเปลี่ยนตัวผู้นำ ความสัมพันธ์กับฟิลิปปินส์น่าจะดีขึ้น เพราะทั้งคู่เน้นนโยบายประชานิยมอย่างแรงกล้าเหมือนกัน และมีแนวโน้มที่ทรัมป์จะไม่ไปวุ่นวายกับการทำสงครามกวาดล้างยาเสพติดของฟิลิปปินส์ แต่การที่ทรัมป์ไม่ใส่ใจปัญหานอกประเทศ ก็อาจกระทบกับประเทศเล็กๆ อย่างฟิลิปปินส์ในระยะยาว เพราะจะทำให้จีนแผ่อิทธิพลได้อย่างสะดวกมากขึ้นในภูมิภาค

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook