ทารกรอดตาย 5 วัน ถูกแม่ใจร้ายอุ้มทิ้งขยะ กุข่าวลูกโดนขโมย

สอบสวนแม่ใจยักษ์ กุข่าวอ้างลูกสาวถูกขโมยไปจากโรงพยาบาล ยอมสารภาพนำเอาไปทิ้งบ่อขยะ หวังให้คนมาพบเก็บไปหรือปล่อยทิ้งให้ตาย

(22 พ.ย.) ที่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา รักษาราชการผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พร้อม พ.ต.อ.สุเทพ ชนะสิทธิ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอกมลาไสย ร่วมกันสอบปากคำ น.ส.วรินทร์นิภา อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาพยายามฆ่าผู้อื่น หลังพยายามฆ่าลูกสาวตัวเองด้วยการนำไปทิ้งบ่อขยะด้านหลังโรงพยาบาลกมลาไสย แต่โชคดีที่สามารถช่วยเหลือเอาไว้ได้

พล.ต.ต.จตุพล กล่าวว่า คดีนี้ถือเป็นคดีสะเทือนขวัญ โดยเหตุนี้ทราบว่า เด็กหญิงอ้อ (นามสมมติ) ลูกของผู้ต้องหาคือ น.ส.วรินทร์นิภา นั้น ได้ฝากท้องแล้วคลอดที่โรงพยาบาลกมลาไสย เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2559 จนเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2559 เวลา 18.10 น. พนักงานสอบสวน สภ.กมลาไสย ได้รับแจ้งเหตุจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมีชายชุดแดงขโมยลูกของ น.ส.วรินทร์นิภา ไป

น.ส.วรินทร์นิภา อ้างว่า ขณะกำลังเข้าห้องน้ำ ได้ฝากชายสวมใส่ชุดแดงให้อุ้มลูกเอาไว้ แต่ภายหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำ ปรากฏว่าลูกสาวได้หายไปพร้อมชายชุดแดงจึงได้แจ้งตำรวจ แต่ภายหลังที่ทำการสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจพบพิรุธหลายอย่าง จึงได้เค้นสอบถามและพยายามอธิบายไปถึงความเป็นแม่เป็นลูก

จนในท้ายที่สุด น.ส.วรินทร์นิภา จึงยอมเปิดปากว่า ได้นำลูกสาวของตนเองที่เพิ่งคลอด 5 วันไปทิ้งไว้ที่บริเวณบ่อขยะหลังโรงพยาบาลกมลาไสย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าไปตรวจสอบ ก็พบว่ามีเด็กทารกถูกนำไปทิ้งจริง โดยพบว่ามีเศษใบ้ไม้ขนาดใหญ่ปกปิดไว้ แต่เด็กนอนนิ่งและเริ่มมีมดแดงขึ้น แต่เมื่อไปจับตัวดูปรากฏว่าเด็กร้องจึงได้ช่วยเหลือชีวิตได้ทัน

พล.ต.ต.จตุพล กล่าวต่อว่า จากการสอบถามนั้นผู้ต้องหา บอกว่าลงมือฆ่าเด็กไม่ลง แต่เนื่องจากมีปัญหาครอบครัว เพราะมีสามีเป็นชาวอินเดีย ได้มีการพูดคุยกัน โดยสามีไม่ต้องการจะมีลูก จึงได้คิดที่จะนำเด็กไปทิ้ง ซึ่งหากโชคไม่ดีเด็กคงเสียชีวิต แต่ในกรณีนี้ถือว่าโชคดีที่เด็กรอดอย่างปาฏิหาริย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กมลาไสย ได้แจ้งข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น ที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ด้าน น.ส.วรินทร์นิภา กล่าวว่า ตนมีสามีเป็นชาวอินเดียและมีลูกอยู่แล้ว 1 คนเป็นชายที่ยังเรียนหนังสือชั้นอนุบาล จนมาตั้งครรภ์อีกครั้งและได้เป็นหญิง แต่สามีไม่ต้องการจะมีลูกอีก ทั้งสามีก็อยู่ที่ประเทศอินเดีย และจะกลับมาอีกครั้งในเร็วๆนี้ ตนไม่รู้คิดอย่างไรจึงได้นำลูกสาวไปทิ้ง ซึ่งก็รู้สึกเสียใจที่ได้ทำลงไป และขอชดใช้กรรม ซึ่งหากพ้นโทษมาก็พร้อมที่จะเลี้ยงลูกโดยไม่ทอดทิ้งของให้สังคมเมตตาด้วย

อย่างไรก็ตามภายหลังสอบปากคำ พล.ต.ต.จตุพล ได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ โดยเข้าเยี่ยม น้องอ้อ ซึ่งทีมแพทย์โรงพยาบาลนำโดย นายอุดร ผิวขาว รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ และทีมแพทย์ดูแล้ว ปรากฏว่าสุขภาพของเด็กปลอดภัยพ้นขีดอันตราย แต่ยังคงต้องเฝ้ารอดูอาการ พล.ต.ต.จตุพล จึงได้มอบเงินและผ้าอ้อมเงินจำนวนหนึ่งให้ ทางโรงพยาบาลไว้ โดยตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ ก็จะเข้ามาดูแลพร้อมกับเหล่ากาชาดจังหวัดที่จะเข้ามาทำการสงเคราะห์เด็กหญิงคนนี้ต่อไป