ปชช.เข้าแถวรอกราบถวายบังคมพระบรมศพเนืองแน่น

ปชช.เข้าแถวรอกราบถวายบังคมพระบรมศพเนืองแน่น

ปชช.เข้าแถวรอกราบถวายบังคมพระบรมศพเนืองแน่น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ประชาชน เข้าแถวรอกราบถวายบังคม พระบรมศพ ตั้งแต่ช่วงเช้ามืด ชาวสุโขทัย, ระยอง, สุรินทร์, ราชบุรี เข้ากราบรอบ3 ขณะวันนี้ ได้เคลื่อนไม้จันทน์หอมออกจากกุยบุรีแล้ว

บรรยากาศการที่พระบรมมหาราชวังและท้องสนามหลวงในช่วงเช้าของวันนี้ ประชาชนจำนวนมากต่างแต่งกายไว้ทุกข์สีดำ เดินทางเข้าต่อแถวเพื่อรอเข้ากราบถวายบังคม พระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง จำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ต่างเดินทางกันมาเป็นกลุ่มคณะ และครอบครัว ซึ่งมีทั้งประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และต่างจังหวัด โดยเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง ได้เปิดให้ประชาชนชุดแรกเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ ตั้งแต่เวลา 05.00 น. ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และมูลนิธิ อาสาสมัครต่าง ๆ ยังคอยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเต็มที่ และในส่วนของประชาชนที่เข้าแถวปักหลักรอ โดยเจ้าหน้าที่นำอาหารเช้าและน้ำดื่มมาแจกจ่ายให้กับประชาชนที่นั่งรออยู่ภายในเต็นท์ โดยไม่ต้องลุกออกจากที่นั่ง และหากประชาชนคนใดอยากเข้าห้องน้ำ หรือออกไปทำธุระส่วนตัว ก็สามารถออกมาจากแถวได้ โดยจะมีบัตรคิวให้ประชาชนสำหรับหยิบไปเข้าห้องน้ำ และกลับเข้ามานั่งที่เดิม เพื่อป้องกันการแทรกคิวด้วย แต่จากการสอบถามพบว่าไม่ค่อยพบปัญหาการแทรกคิว

ขณะที่การรักษาความปลอดภัยยังเป็นไปอย่างเข้มงวด เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และอาสาสมัคร ยังคงตรวจตราและคัดกรองบุคคลที่ผ่านเข้าออกตามตุดคัดกรองทั้ง 9 จุด โดยจะต้องแสดงบัตรประชาชน ผ่านการตรวจกระเป๋า สัมภาระที่นำมาติดตัวมา และผ่านการตรวจสิ่งผิดกฎหมายหรืออาวุธตามตัวด้วย

สำหรับวันนี้เจ้าหน้าที่สำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย แจ้งว่า ในวันนี้ (20 ธ.ค.) จะมีประชาชนจาก 4 จังหวัด ประกอบด้วย สุโขทัย ระยอง สุรินทร์ ราชบุรี เดินทางเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รอบที่ 3 โดยจะมีการนำประชาชนมาจังหวัดละประมาณ 750 คน รวมแล้วประมาณ 3,000 คน โดยในการเดินทาง เจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองประจำอำเภอ แพทย์ พยาบาล ทหาร ตำรวจ รถตำรวจนำทาง และรถพยาบาล ร่วมเดินทางไปด้วยเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนตลอดการเดินทาง


ปชช. ยังหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมศพเนืองแน่น

ประชาชนจำนวนมากแต่งกายไว้ทุกข์สีดำ เดินทางเข้าต่อแถวเพื่อรอเข้ากราบถวายบังคม พระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างต่อเนื่อง โดยบริเวณเต็นท์พักคอยฝั่งสนามหลวงทิศเหนือ มีประชาชนนั่งจนเต็มพื้นที่ ทั้งนี้ประชาชนที่เดินทางมาต่างมากันเป็นกลุ่มคณะ อาทิ กลุ่มชาวเขาจากพื้นที่ภาคเหนือ แต่งกายด้วยชุดประจำเผ่านำ พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาถือไว้ และนั่งรอเข้าแถวเพื่อรอเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ท่วมกลางการอำนวยความสะดวกของเจ้าหน้าที่

ด้านหน่วยแพทย์ พยาบาล และอาสากู้ภัยต่าง ๆ ได้นำแอมโมเนีย พิมเสน ตลอดจนน้ำดื่ม มาคอยแจกจ่ายให้ประชาชนตามจุดต่าง ๆ ใกล้กับจุดนั่งพักคอย เนื่องจากสภาพอากาศค่อนข้างร้อน เกรงประชาชนที่มีอาการวิงเวียนศีรษะ และหน้ามืดเป็นลมได้ เช่นเดียวกับศูนย์บริการประชาชนร่วมด้วยช่วยกัน มูลนิธิร่วมด้วยช่วยกัน สำนึกรักบ้านเกิด ยังคงให้บริการประชาชนเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม สำหรับกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง หรือ กอร.รส. จะมีการประชุมเพื่อสรุปภาพรวมการดูแลประชาชนเพื่อนำปัญหาที่พบ หรือข้อร้องเรียนของประชาชนมาปรับปรุงแก้ไข ให้เกิดความพร้อมมากที่สุด โดยเฉพาะใกล้ช่วงเทศกาลปีใหม่คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางมากราบถวายบังคม พระบรมศพ เป็นจำนวนมาก 


สุโขทัยระยองสุรินทร์ราชบุรีรอบ3เข้ากราบพระบรมศพ

เจ้าหน้าที่สำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ในวันนี้ (20 ธ.ค.) จะมีประชาชนจาก 4 จังหวัด ประกอบด้วย สุโขทัย ระยอง สุรินทร์ ราชบุรี เดินทางเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง รอบที่ 3 โดยจะมีการนำประชาชนมาจังหวัดละประมาณ 750 คน รวมแล้วประมาณ 3,000 คน

สำหรับ จังหวัดสุโขทัย นายปิติ แก้วสลับสี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย พร้อมหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดสุโขทัย ร่วมส่งประชาชนในการเดินทางเข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพ ซึ่งนำโดย นายไพบูลย์ ณะบุตรจอม รอง ผวจ.สุโขทัย ที่นำประชาชนชาวสุโขทัย จากอำเภอสวรรคโลก 300 คน, อำเภอศรีสัชนาลัย 300 คน และอำเภอศรีนคร 150 คน รวม 750 คน ออกเดินทางตั้งแต่เวลา 19.30 น. ของเมื่อวานนี้แล้ว (19 ธ.ค.) โดยจังหวัดสุโขทัย ได้จัดเตรียม เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองประจำอำเภอ แพทย์ พยาบาล ทหาร ตำรวจ รถตำรวจนำทาง และรถพยาบาล ร่วมเดินทางไปด้วยเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนตลอดการเดินทาง


เคลื่อนไม้จันทน์หอมจากกุยบุรีแล้ว-ผวจ.ประจวบเผยพร้อมใจทำถวายร.9

ดร.ทวี นริสศิริกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ในวันนี้ช่วงเวลา 06.39 น. ตนเองได้เดินทางไปเข้าร่วมพิธีส่งมอบ “ไม้จันทน์หอม” ที่จะนำไปใช้ในงานพระราชพิธี พระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยในพิธีมี นายกาญจนพันธ์ คำแหง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี พร้อมผู้ที่เกี่ยวข้อง และประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก สำหรับการขนย้ายนั้นจะมีนายกาญจนพันธ์ เป็นผู้กำกับรถนำขบวนพร้อมใบอนุญาตการใช้ไม้เพื่อใช้สำหรับเบิกทางขนส่ง ซึ่งประกอบด้วย รถบรรทุกไม้จันทน์หอม 3 คัน และรถที่ร่วมในขบวนอีก รวมเป็น 24 คัน ล่าสุด รถได้เคลื่อนตัวออกจากอุทยานฯ กุยบุรีแล้ว และกำลังมุ่งหน้าไปยังสำนักช่างสิบหมู่ จ.นครปฐม ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ดร.ทวี กล่าวต่อว่า ขั้นตอนของการส่งมอบ “ไม้จันทน์หอม” วันนี้ ประกอบด้วย การจุดเครื่องทองน้อย ถวายสักการะ พรมน้ำพระพุทธมนต์ โรยข้าวตอกดอกไม้ ฯลฯ โดยตลอดพิธีการพบประชาชนจำนวนต่างเข้ามาร่วมถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก

อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ทุกคนได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อถวายงานแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นครั้งสุดท้าย


ชาวสุพรรณฯน้อมนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงดำเนินชีวิต

นางอุสา ยางนาคีม อายุ 54 ปี ชาวบ้านจังหวัดสุพรรณบุรี นั่งรอเข้าแถวเพื่อรอเข้ากราบถวายบังคม พระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง กับคณะ อีกกว่า 200 คน กล่าวว่าเดินทางออกจาก อ.ศรีประจัน จ.สุพรรณบุรี ตั้งแต่ 02.00 น. และมาถึงเวลา 04.00 น. ที่ผ่านมา โดยมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเข้าไปกราบถวายบังคม พระบรมศพ พร้อมกล่าวว่ารู้สึกเสียใจที่พระองค์สวรรคต แต่คุณงามความดี ตลอดจนแนวพระราชดำรัสต่าง ๆ ของพระองค์นั้น จะยังคงอยู่ และชาวบ้านในพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งทำนาเป็นส่วนใหญ่ ต่างรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงมีต่อชาวจังหวัดสุพรรณบุรีมาโดยตลอดช่วยให้ชาวบ้านมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นพร้อมกล่าวว่า ตนเองและครอบครัวตั้งใจจะทำความดีถวายเป็นพระราชกุศลตลอดไป

เช่นเดียวกับ นางเสงียม สมจิต อายุ 69 ปี ที่เดินทางมาด้วยกัน กล่าวว่า ตั้งใจจะแต่งกายไว้ทุกข์สีดำจนครบ 100 วัน เพื่อเป็นการน้อมรำลึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ที่ผ่านมาได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต และตั้งใจอบรมสั่งสอนให้ลูกหลานทำแต่ความดีตลอดไป


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook