นายกฯอวยพรปีใหม่บอกแก้พรบ.สงฆ์ยึดกม.ลุยจับมือแฮก

นายกรัฐมนตรี อวยพรปีใหม่ ขอให้ประชาชนมีความสุข กำชับเจ้าหน้าที่ดูแลทุกพื้นที่ให้เกิดความสงบ ขออย่าเร่งรัดเจ้าหน้าที่คดีพระธัมมชโย - ชี้ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตก่อนเสนอแก้พ.ร.บ.สงฆ์

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อวยพรเนื่องในวันปีใหม่ปี 2560 โดยขอให้ประชาชน คนไทยทุกคน ได้รับพรจากอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตลอดจนเดชาพระบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ได้ทรงปกป้องคุ้มครองให้ประชาชนคนไทย มีความสุข และเจริญในหน้าที่การงาน ตลอดจนสื่อมวลชน ที่ช่วยนำเสนอข่าวที่สร้างสรรค์

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมือง ว่า ปีใหม่นี้มีความเป็นห่วงประชาชนมีกว่าสถานการณ์ทางการเมือง จึงขอให้ฝ่ายการเมืองนึกถึงประเทศชาติ ทั้งกลุ่มที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ที่ต้องให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง ส่วนบุคคลที่ต้องการจะทำให้เกิดความวุ่นวายในประเทศ ก็ขอให้หยุด เพราะว่าบ้านเมืองต้องการความสงบสุข ส่วนมาตรการการป้องกันและรับมือในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ รัฐบาล และ คสช. ได้มีการเตรียมพร้อมมาอย่างต่อเนื่อง และได้มีการกำชับเจ้าหน้าที่ให้ดูแลทุกพื้นที่ให้เกิดความสงบ ไม่มีเหตุรุ่นแรง พร้อมขอความร่วมมือจากประชาชนในการเฝ้าระวังด้วย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังย้ำถึงวันหยุดราชการในช่วงปีใหม่หลังโซเชียลมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน ว่า รัฐบาลประกาศวันหยุด คือ 30 ธ.ค.59 - 3 ม.ค. 60 โดยชี้แจงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อนุมัติวันหยุด 31 ธ.ค. - 3 ม.ค. 60

สำหรับกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เสนอแก้ พ.ร.บ.สงฆ์ นั้น เรื่องปกติที่จะมีหน่วยงานเสนอให้แก้กฎหมาย ซึ่งทุกอย่างสามารถทำได้ แต่จะยึดตามขั้นของกฎหมาย โดยยืนยันกรณีดังกล่าวนี้ไม่ได้เป็นผู้สั่งการ และไม่จำเป็นต้องขออนุญาตก่อนเสนอแก้กฎหมายนี้ เพราะเป็นกลไกของ สนช.

ส่วนกรณีคดีของวัดพระธรรมกายและพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จะสามารถดำเนินการได้ก่อนปีใหม่หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะดำเนินการก่อนหรือหลังปีใหม่ก็ไม่มีประโยชน์ต่อประเทศชาติ แต่ขอให้ดูความก้าวหน้า ในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI ) หากสถานการณ์พร้อมเมื่อไหร่ก็จะต้องทำตามหมายค้นและหมายจับ จึงขออย่าเร่งรัดเจ้าหน้าที่ เพราะหากเร่งรีบจนเกินไปจะทำให้เกิดความผิดพลาด และคุ้มค่ากับความสูญเสีย

 

นายกฯย้ำจับแฮกเกอร์ยึดกม.ไม่ตอบปม"น้องชาย"

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีการจับกุมกลุ่มแฮกเกอร์ ว่า จะต้องสืบสวนดำเนินคดีต่อไป โดยจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย และหากผู้ใดทำผิดดกฎหมายก็จะจับกุมทั้งหมด ส่วนจะจับได้เมื่อไหร่ และเกี่ยวข้องกับใคร ก็จะดำเนินการทั้งหมด เพราะการปล่อยข้อมูลของรัฐและข้อมูลส่วนตัวออกมาเผยแพร่อย่างต่อเนื่องนั้นไม่ถูกต้อง

ส่วนกรณีที่ นายวีระ สมความคิด ระบุว่า จะเดินหน้าตรวจสอบกรณี พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม น้องชายนายกรัฐมนตรี  เกี่ยวกับการสร้างบ้านหรูที่จังหวัดพิษณุโลก ไม่ได้ชี้แจงต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) ว่า ขอให้น้องชายไปชี้แจงเอง ทั้งเรื่องกฎหมายและเรื่องต่างๆ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังถึงกรณีบริษัทแม่ของบริษัท อัครา รีซอจเซจ จำกัด จะดำเนินการฟ้องร้องรัฐบาลไทย ว่า ขออย่าเพิ่งฟ้องตอนนี้ และรัฐบาลไม่ได้สั่งให้หยุด แต่ขอชะลอไปก่อนจนกว่าจะชัดเจน เพื่อรอ พ.ร.บ.เหมืองแร่ ที่จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นใหม่ และเมื่อมีคณะกรรมการดังกล่าวแล้ว ยืนยันว่าจะทบทวนประเด็นดังกล่าวอย่างเป็นธรรม ว่า การดำเนินการของบริษัทฯ มีผลกระทบอะไร หรือประชาชนมีความเห็นอย่างไร

 

นายกฯใช้ม.44แก้อย.-รถไฟฟ้าสีม่วงส่วนต่อขยาย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการประชุม คสช. เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า ได้มีการหารือถึงการพิจารณาคำสั่งตามมาตรา 44 โดยเน้นในเรื่องการดำเนินการกำหนดมาตรฐานองค์การอาหารและยา (อย.) การขึ้นทะเบียนยาที่เป็นปัญหามานาน จึงต้องมีการออกคำสั่งมาตรา 44 เพื่อให้ดำเนินการได้ โดยมี รัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้กำกับดูแล เพื่อให้เกิดประโยชน์เกี่ยวกับการผลิตยาภายในประเทศ ที่มีการพัฒนาและวิจัยเอง เช่นยาสมุนไพรต่างๆ

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นรถไฟสายสีม่วงส่วนต่อขยาย 1 กิโลเมตร จึงออกคำสั่งให้ดำเนินการในส่วนนี้ให้ได้ โดยจะต้องดำเนินการให้เสร็จ และใช้ได้กลางปีหรือปลายปีหน้า ส่วนจะประมูลอย่างไรต่อไปให้ถือเป็นระยะที่ 2 ที่ต้องหารือต่อไป

พร้อมกันนี้ ยังมีการคำสั่งตามมาตรา 44 ตั้งคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปที่จะต้องทำให้ชัดเจนขึ้นในปี 60 ให้ได้ โดยเอาผลงานทั้ง 5 สาย และแผนยุทธศาสตร์ชาติ ขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรม และเป็นแนวทางเตรียมการปฏิรูปให้รัฐบาลต่อไปด้วย โดยเริ่มทำหน้าที่ในเดือนมกราคมเป็นต้นไป รวมทั้งปรับแก้การทำงานของสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดความเหมาะสมมากขึ้นอีกด้วย