มีชัยยึดโรดแมปรัฐบาลยันม.44ไม่ขวางปชต.

มีชัยยึดโรดแมปรัฐบาลยันม.44ไม่ขวางปชต.

มีชัยยึดโรดแมปรัฐบาลยันม.44ไม่ขวางปชต.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ประธาน กรธ. ไม่การันตี รธน.ฉบับนี้จะไม่เกิดวิกฤตในอนาคต ชี้ขึ้นอยู่กับทุกคนต้องช่วยกัน ยันคงมาตรา44ไว้ ไม่เป็นอุปสรรคกลับสู่ประชาธิปไตย-สกัดพรรคการเมือง

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ. ยังไม่สามารถรับประกันได้ว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จะไม่ทำให้เกิดวิกฤตการณ์ในอนาคต เพราะ จะต้องขึ้นอยู่กับประชานทุกคน ที่จะต้องร่วมมือ หันหน้าเข้าพูดคุยกันทำให้การเมืองสุขสงบ และนำความเจ็บปวดในอดีตมาเป็นบทเรียน ส่วนความเหมาะสมต่อการปลดล็อคคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ที่ห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง นายมีชัย ระบุว่า เมื่อร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. มีผลบังคับใช้ ก็เชื่อว่า คสช. จะมีการพิจารณาว่าจะดำเนินการผ่อนคลายให้พรรคการเมืองได้เมื่อใด และยังเชื่อว่า ระหว่างนี้ คสช. คงมีการพิจารณาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

สำหรับการคงอำนาจตามมาตรา 44 ให้มีผลบังคับใช้ได้จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ จะเป็นอุปสรรคต่อการเข้าสู่การกลับเข้าสู่ประชาธิปไตยหรือไม่นั้น เห็นว่า คสช. คงอำนาจไว้ เพื่อแก้วิกฤต และเป็นเครื่องมือในการบริหารประเทศ ไม่ใช่การสกัดกั้นพรรคการเมือง ในการเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้ง และเชื่อว่า คสช. คงตระหนักและพิจารณา ว่าจะคลี่คลายมาตรา 44 หลังกฎหมายพรรคการเมือง และ กกต. พิจารณาเช่นกัน

นายมีชัย ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในช่วงการเปลี่ยนผ่าน เพื่อรับมือต่อกฎหมายใหม่ๆ โดยเชื่อว่า ที่ผ่านมา ทุกคนตระหนักดีกว่าการเมืองไทยไม่มีเสถียรภาพ ซึ่งอาจเกิดจากทั้งคน และระบบ รวมถึงความไม่สอดคล้องระหว่างฎกติกา วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของคนไทย ที่หลายอย่างไม่สอดคล้องกับสังคมไทย กรธ. จึงได้กำหนดกลไกใหม่ในร่างรัฐธรรมนูญ โดยขอให้ทุกคนเข้าใจว่า กรธ. ไม่ได้จงใจทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ด้วยความรังเกียจพรรคการเมือง หรือนักการเมือง 

แต่มุ่งมั่นให้การเมืองอยู่ในระบบที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง และแก้ปัญหาที่มีในสังคม ที่เป็นต้นเหตุของความไม่สงบสุข ซึ่งกลไกดังกล่าวอาจเป็นเรื่องแปลกใหม่ แต่หากทุกคนทำตามกติกา ทุกคนก็จะไม่ได้รับโทษตามกฎหมาย

นอกจากนี้ นายมีชัย ขอให้ประชาชน เตรียมความพร้อม รับรู้ต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยเฉพาะเทคโนโลยีใหม่ ๆ  เพื่อให้สามารถเกิดประโยชน์ต่อตนเอง สังคม และประเทศ และไม่เป็นคนล้าหลัง จนทำให้เกิดความเสียเปรียบ ขณะที่พรรคการเมือง จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันที่จะให้ประชาชนมีส่วนร่วม สามารถคัดเลือกบุคคลเข้าเลือกตั้งได้ ที่ระบบใหม่ประชาชนมีสิทธิจะไม่เลือกใครเลยก็ได้ จากเดิมที่ประชาชนไม่มีทางเลือกอื่น เพราะพรรคการเมืองคำนึงแต่คะแนนเสียงเป็นสำคัญ ซึ่งคราวนี้หากประชาชนไม่เลือกผู้แทนคนใด ในคราวเลือกตั้งซ่อมนั้น ผู้แทนก็ไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อมได้ ส่วนองค์กรอิสระที่ผ่านมา ขาดประสิทธิภาพและความรวดเร็วในในการทำงาน จนบั่นทอนชื่อเสียงและหน่วยงาน ดังนั้น เมื่อกลไกในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ได้เปลี่ยนไป กลไกในกฎหมายลูกก็จะต้องเปลี่ยนแปลงตามด้วย เพื่อให้ทุกองค์กรอิสระทำงานได้อย่างรวดเร็ว โดยองค์กรอิสระต่าง ๆ ก็จะต้องปรับกลยุทธ์ในการทำงาน เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญด้วย  

นายมีชัย ยังกล่าวถึงเงื่อนไขระยะเวลาการกลับเข้าสู่ระบบประชาธิปไตยของประเทศ โดยยอมรับว่าประเมินได้ยาก เพราะจะต้องคำนึงถึงความพร้อมของพรรคการเมือง และคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ในการเตรียมความพร้อม เข้าสู่การเลือกตั้ง แต่ยืนยันว่า กรธ. ได้พิจารณายกร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ โดยยึดโรดแมปของรัฐบาลเป็นสำคัญ ซึ่ง กรธ. ก็ได้ยกร่างกฎหมาย กกต. และพรรคการเมืองก่อน เพื่อให้สามารถปรับตัว ให้สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ใหม่ ๆ ในกฎหมายลูก

ทั้งนี้ ในร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ได้กำหนดระยะเวลา สำหรับการเตรียมความพร้อมของพรรคการเมืองไว้ 180 วัน หากพรรคกรเมืองดำเนินการได้เสร็จสิ้นก่อน ก็จะทำให้การเลือกตั้ง เกิดขึ้นได้เร็วขึ้น และจะต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมในวันข้างหน้าด้วย ดังนั้น จึงไม่สามารถยืนยันแทนใครได้ว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2560 หรือ ต้นปี 2561 พร้อมย้ำจะต้องยึดโรดแมปของรัฐบาลเป็นสำคัญ และ กรธ. ก็จะต้องยกร่างกฎหมายลูกทั้ง 10 ฉบับ ให้เสร็จสิ้นภายใน 240 วัน หลังร่างรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook