นายกฯอัญเชิญพรปีใหม่ร.9ขอปชช.มีสุข -ติงคนยังทำปท.วุ่น

นายกฯอัญเชิญพรปีใหม่ร.9ขอปชช.มีสุข -ติงคนยังทำปท.วุ่น

นายกฯอัญเชิญพรปีใหม่ร.9ขอปชช.มีสุข -ติงคนยังทำปท.วุ่น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกรัฐมนตรี อัญเชิญ สคส. พระราชทาน ส่งสุขคนไทย พร้อมระบุติงบางกลุ่มทำประเทศวุ่นวาย ห่วงขยายขัดแย้ง ชี้ต้องใช้กฏหมายเป็นตัวกำหนด - เข้มดูแลปีใหม่ เมาไม่ขับ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวผ่านรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยังยืน ทางสถานีโทรทัศน์ รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า นับเป็นระยะเวลา กว่า 6 ทศวรรษ แล้ว ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได้พระราชทาน บทเพลงพระราชนิพน์ "พรปีใหม่" และเกือบ 3 ทศวรรษ ที่พระองค์ ได้พระราชทาน ส.ค.ส. ให้ปวงชนชาวไทย อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากมีพระราชประสงค์ ที่จะ “ส่งความสุข” ในช่วงปีใหม่ และตลอดศกใหม่แล้ว ยังทรงให้สติ ให้ปัญญา ให้ข้อคิดและแนวทางในการดำรงชีวิต รวมทั้ง ให้กำลังใจต่อสู้ เพื่อเอาชนะต่ออุปสรรค รู้ รัก สามัคคี และการทำงานเป็นทีมนำพาชีวิตของและประเทศชาติ มีแต่ความสุขความเจริญ 

ขณะเดียวกัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร ทรงใส่พระทัย “ทุกข์ สุข” ของปวงชนชาวไทย  โดยทรงมีกระแสพระราชดำรัส ให้น้อมนำ “ศาสตร์พระราชา” แห่งองค์สมเด็จพระบรมชนกนาถและแนวทางพระราชทาน ตลอดระยะเวลา 7 ทศวรรษ ที่ผ่านมา ไปประยุกต์ใช้ด้วยปัญญาและความเพียร สำหรับรัฐบาลและข้าราชการ ในการบริหารราชการแผ่นดิน และสำหรับประชาชนทุกคน ในการดำรงชีวิตประจำวัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าขออัญเชิญ “ส.ค.ส.พระราชทาน ปีใหม่ พ.ศ. 2537” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “ศาสตร์พระราชา” โดยมีสาระสำคัญ ที่แสดงสัจธรรมแห่งชีวิต คือ “ยิ้มบ้าง ไม่ยิ้มบ้าง สุขบ้าง ทุกข์บ้าง เหมือน“จราจร” โดยหวังว่า สัจธรรมง่ายๆ นี้ จะเป็นกำลังใจให้กับทุกคน ที่ยึดมั่นในความดี และไม่อยากให้ท้อถอย หมดกำลังใจ ตลอดปีใหม่ และตลอดไป

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อด้วยว่า ปีหน้า และปีต่อไปนั้น จำเป็นต้องกลับมาสำรวจตัวเองอยู่เสมอ เพื่อพัฒนาไปสู่แนวทางที่ดีกว่า เพื่อลดช่องว่างและแก้ไขบกพร่องในอดีต ไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำซากอีกต่อไป รัฐบาลก็มีการสำรวจและปรับปรุงกระบวนการและกลไกการบริหารราชการเป็นระยะๆ เช่นกัน แต่สิ่งหนึ่ง ที่ยังคงเป็นอุปสรรค และเห็นว่าเป็น “จุดอ่อน” ของประเทศ คือ การไม่สามารถแยกแยะ และไม่เข้าใจคำสำคัญ 3 คำ ก็คือ “สิทธิ, หน้าที่ และเสรีภาพ” เพราะเมื่อกฎหมายกำหนด “สิทธิ” ให้แล้ว ทุกคนย่อมมี “หน้าที่” ตามมา จะเรียกร้อง “สิทธิ” โดยไม่สนใจ “หน้าที่” ไม่ได้ เพราะจะทำให้สังคมเกิดความสับสนวุ่นวาย รสมถึงบางคนกลับเข้าใจว่า “อิสรภาพ” ก็คือ “เสรีภาพ” ทำอะไรก็ได้ โดยไม่สนใจคนอื่น ทั้งที่ความจริง “สิทธิและหน้าที่” ตามกฎหมาย จะลดทอน “อิสรภาพ” ให้เหลือเพียง “เสรีภาพ” ภายใต้กฎหมายเดียวกัน หากปล่อยให้มี “อิสรภาพ” ที่ไร้ขอบเขต ย่อมนำไปสู่ “การละเมิดสิทธิ” ของผู้อื่น และนำไปสู่ปัญหา ซึ่งทุกอย่างต้องอาศัยกฎหมายเป็นปัจจัยสำคัญในการดูแล และปลูกจิตสำนึกต่อส่วนรวมเสริมสร้างอุดมการณ์ความรักชาติ เพื่อจะมุ่งไปสู่จุดหมายเดียวกัน

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า นโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” นอกจากจะหมายรวมถึง การนำพาประเทศชาติ ประชาชน ไปสู่ความ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ด้านเศรษฐกิจแล้ว เรายังต้องพัฒนาไปสู่ “สังคม 4.0” ด้วย เพราะ ระบบสังคม ระบบเศรษฐกิจ ระบบนิเวศน์ “ไม่ได้แตกต่างกัน” ในเชิงโครงสร้างและความสัมพันธ์ระหว่างกัน  แต่ทั้งหมด มีรัฐบาล มีกฎหมาย มีกติกาสากล มีพันธะสัญญาระหว่างประเทศ คอยควบคุมดูแล

นายกฯ ระบุ การมุ่งหวังจะนำพาประเทศไปสู่ “เศรษฐกิจ 4.0” จะต้องนำพา ที่อยู่ใน 1.0, 2.0, 3.0 ไปด้วย ต้องเริ่มจากการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้เป็น “สังคมแห่งการเรียนรู้” เพื่อการปรับปรุงและมีการพัฒนาตนเอง สำหรับในภาคเศรษฐกิจนั้นๆ โดยใช้ 4.0 เป็นกรอบใหญ่ ในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรม เพื่อจะสร้างความเชื่อมโยงเพิ่มมูลค่าและพัฒนาตนเอง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "เศรษฐกิจ ปากท้อง" เป็นเรื่องสำคัญกับโลก ประชาคมระหว่างประเทศ และประเทศไทย รัฐบาลได้นำปัจจัยภายใน ภายนอก และข้อเท็จจริงของระบบเศรษฐกิจไทย มาศึกษาในรายละเอียด ถึงปัญหาและอุปสรรค โดยรับฟังความคิด จากทุกภาคส่วน  ซึ่งพบว่ามีปัญหา ใน 5 ด้านสำคัญ ประกอบด้วย 1.ปัญหาในเรื่องโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม, 2 ปัญหาในการสร้างความเชื่อมโยง,3 ปัจจัยด้านความรู้ องค์ความรู้ ในภาคการผลิต และด้านการตลาด, 4.กฎหมาย และมาตรการอำนวยความสะดวก ที่ยังคงล้าสมัย ไม่เป็นสากล,5ปัจจัยอื่นๆ เช่นความขัดแย้ง ที่ทำให้ทุกอย่างติดขัด ส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และหากมีการขยายความไป อาจจะโดยสื่อโซเชียล ทั้งเจตนนาและไม่เจตนา ก็นำไปสู่ความขัดแย้ง บิดเบือน ในสังคมวงกว้าง

อย่างไรก็ตาม นายกฯกล่าวต่อด้วยว่า ทุกคนต้องอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องทางกฎหมาย จริยธรรมและความมีคุณธรรม ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย หากช่วยกัน มากบ้างน้อยบ้าง ด้วยความรัก ความสามัคคี ลดความขัดแย้งทุกอย่างก็จะดีขึ้น

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้สั่งการหน่วยงานต่างๆ ได้เตรียมความพร้อมวางมาตรการดูแลประชาชน ในการเดินทางกลับภูมิลำเนา และท่องเที่ยว ช่วงปีใหม่ อย่างเต็มที่ ขอผู้ที่เดินทาง ขับรถส่วนตัว รถสาธารณะ ให้ตรวจเช็คสภาพยานพาหนะ ให้อยู่ในสภาพที่พร้อมก่อนการเดินทาง และที่สำคัญต้องงดดื่มสุรา เมาไม่ขับ อย่าฝากความหวังไว้กับเจ้าหน้าที่ดูแลเพียงอย่างเดียวในการบังคับใช้กฎหมาย ประชาชนต้องระมัดระวังอุบัติเหตุด้วย เพราะไม่มีใครดูแลได้ดีกว่าตัวเอง พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ ทั้งฝ่ายความมั่นคง และฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร และอาสาสมัคร ที่เสียสละเวลา ดูแลประชาชน ในช่วงเทศกาลแห่งความสุขนี้ รวมทั้ง ขอให้ประชาชนดูแล ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ด้วยการปฏิบัติตนตามกฎหมายบ้านเมือง และกฎจราจร อย่างเคร่งครัด ขอให้ทุกคนมีน้ำใจ และเข้าใจซึ่งกันและกัน





แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook