อภิสิทธิ์ปลุกนักการเมืองปฏิรูปเชื่อคสช.ปลดล็อกพรรค
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/ns/0/ud/429/2145670/754031-01.jpgอภิสิทธิ์ปลุกนักการเมืองปฏิรูปเชื่อคสช.ปลดล็อกพรรค

    อภิสิทธิ์ปลุกนักการเมืองปฏิรูปเชื่อคสช.ปลดล็อกพรรค

    2017-01-01T11:57:00+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปลุกนักการเมืองเป็นผู้นำปฏิรูป ชี้ ปี 2560 จุดท้าทาย เรียกคืนศรัทธาจาก ปชช. วางรากฐานประเทศ เดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้ง ต้องเร่งแก้ปากท้องประชาชน เชื่อคสช.ปลดล็อกพรรค

    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สำหรับพรปีใหม่ ตนขอให้ปี 2560 มีการวางรากฐานให้เศรษฐกิจไทยเป็นเศรษฐกิจสำหรับคนไทยทุกคน ให้การเมืองไทยเป็นการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยและคนในระบบประชาธิปไตยใช้เสรีภาพด้วยความรับผิดชอบ ให้สังคมไทยใช้พลังความสามัคคีเป็นพื้นฐานให้ประเทศมีอนาคตที่ดีต่อไป ส่วน คสช. ที่ต้องการวางรากฐานประเทศ จะอยู่บนความคิดว่า นักการเมืองชั่วหมดต้องกำจัดเสรีภาพคงไม่ได้ เพราะต้องนำสังคมไทยกลับสู่การเลือกตั้ง จึงหวังว่าจะปรับเปลี่ยนท่าที เพื่อเตรียมสังคมให้มีความพร้อมสำหรับอนาคตต่อไป หากไม่ทำก็เสี่ยงว่า สิ่งที่ทำไว้จะไม่ได้ผลอะไร เพราะทุกอย่างจะกลับคืนสู่สภาพเดิม

    สำหรับกติกาที่เปลี่ยนแปลงไปไม่คิดว่าจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะการเมืองจะเปลี่ยนอย่างไรอยู่ที่พฤติกรรมมากกว่ากติกา ดังนั้น พลังสังคมที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการเมืองและการบังคับใช้กฎหมายให้ถูกต้อง หากระบบการเมืองไม่สามารถสร้างความศรัทธาได้ สุดท้ายจะย้อนกลับสู่ปัญหาเดิม เมื่อถึงการเลือกตั้งสังคมจะมีโอกาสเลือกพรรคการเมือง หากสนับสนุนคนเก่าให้ทำแบบเก่าก็ได้ผลแบบเก่า แต่ในฐานะนักการเมืองก็เรียกร้องนักการเมืองด้วยกันว่าต้องเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงปฏิรูป

    นายอภิสิทธิ์ ยังวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองในปี 2560 ว่า เป็นปีที่เดินเข้าสู่ระยะที่สามของโรดแมป มีความแตกต่างจากปี 2559 ซึ่งเป็นปีที่มีการลงประชามติรัฐธรรมนูญและเริ่มมองเห็นว่า ระยะเวลาที่เหลืออยู่จะกลับเข้าสู่การเลือกตั้ง แต่ในปี 2560 นั้น จะเห็นการเดินเข้าสู่เลือกตั้งเป็นรูปธรรมมากขึ้น แม้การเลือกตั้งจะไม่เกิดในปี 60 แต่สังคมจะให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งมากขึ้น ความสนใจก็จะเข้าสู่ปัญหาของประชาชนว่า จะได้รับการแก้ไขหลังการเลือกตั้งอย่างไร ทำอย่างไรไม่ให้มีความขัดแย้งแบบเดิมหลังการเลือกตั้ง ดังนั้น ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องที่เป็นปัญหาใหญ่ในสังคมชนบทและคนที่มีรายได้น้อย จะมีการถกเถียงแสดงออกมากขึ้นว่าจะแก้ไขอย่างไร โดยเมื่อใกล้สู่การเลือกตั้งจะมีการประเมินว่า มีการปฏิรูปมากน้อยเพียงใด อะไรที่ต้องทำต่อ และอะไรที่เปลี่ยนแปลงบ้าง

    นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า โจทย์สำคัญคือต้องหาคำตอบให้กับอนาคตของประเทศว่าจะดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างไร เพราะนับวันความต้องการของประชาชนจะมีความหลากหลายและมีช่องว่างมากขึ้น เช่น ตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจนั้น ไม่มีความหมายสำหรับคนส่วนใหญ่ เนื่องจากมีปัญหาภัยแล้ง พืชผลตกต่ำ เรื่องเงินเฟ้อถึง 1% หรือไม่มีความหมายเท่ากับของแพงหรือไม่ เช่นเดียวกับนโยบาย 4.0 ไม่ใช่คำตอบสำหรับคนทุกกลุ่ม จึงหวังว่าปี 2560 จะตื่นตัวเรื่องทางเลือกนโยบายมากขึ้นก่อนนำไปสู่การเลือกตั้ง แทนที่จะถกเถียงเรื่องกฎหมายหรือกติกา ซึ่งพรรคจะเดินหน้าเท่าที่ทำได้ภาย

    ใต้ข้อจำกัดของกฎหมาย แต่ตนได้พบปะกลุ่มคนต่าง ๆ หลากหลาย เพื่อรวบรวมวิธีการนำเสนอนโยบายให้ตรงจุด โดยเรื่องใหญ่ที่ประเทศต้องเผชิญต้องทำให้สอดคล้องกันเช่น การศึกษาจะพูดเรื่องคุณภาพอย่างเดียวไม่ได้ต้องดูเรื่องความเปลี่ยนแปลงด้วยทำให้ระบบการศึกษากระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสังคม

    ทั้งนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะจำกัดการทำงานของพรรคการเมืองในปี 2560 เพราะเมื่อกฎหมายพรรคการเมืองบังคับใช้ก็ ต้องมีการประชุมเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งพรรคการเมืองจะมีเสรีภาพในการทำงาน และจะเป็นคำตอบว่าประชาชนจะมีความเห็นอย่างไรกับพรรคการเมือง พรรคจะมุ่งนโยบายให้เป็นความหวังของประชาชนให้ได้มากที่สุด เพราะหากไม่สามารถทำให้ประชาชนรู้สึกว่าพึ่งได้ ไม่ใช่เข้ามาเพื่อแสวงหาประโยชน์ของตัวเอง ปี 2560 จึงเป็นปีที่ท้าทายว่า จะทำให้ประชาชนมั่นใจได้หรือไม่ว่าพรรคการเมืองเป็นคำตอบไม่ใช่ผู้สร้างปัญหา