รถไฟวิ่งถึงทุ่งสงนครศรีฯแล้ว-ทร.เร่งผลักดันน้ำช่วยใต้

รถไฟวิ่งถึงทุ่งสงนครศรีฯแล้ว-ทร.เร่งผลักดันน้ำช่วยใต้

รถไฟวิ่งถึงทุ่งสงนครศรีฯแล้ว-ทร.เร่งผลักดันน้ำช่วยใต้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ร.ฟ.ท. ให้บริการเดินรถไฟสายใต้ถึง อ.ทุ่งสง นครศรีธรรมราช แล้ว จ่อเพิ่มขบวนอีก ขณะ ทร.ติดตั้งเรือผลักดันน้ำเร่งระบายช่วยใต้

การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดให้บริการเดินรถไฟสายใต้เพิ่มเติม หลังจากที่สถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลาย จากเดิมที่มีสถานีปลายทางสิ้นสุดที่สถานีชุมพร ได้ขยายไปถึงสถานีชุมทางทุ่งสง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช โดยมีขบวนขาไป 2 ขบวน คือ ขบวนที่ 167 และ ขบวนที่ 85 ส่วนขากลับ เพิ่ม 5 ขบวน คือขบวนที่ 172, ขบวนที่ 174, ขบวนที่ 168, ขบวนที่ 84 และขบวนที่ 88 ซึ่งในวันนี้คาดว่าจะเพิ่มขบวนอีก และหากน้ำท่วมลดลงก็จะเตรียมขยายเส้นทางให้บริการในระยะไกลขึ้น



ทร.ติดตั้งเรือผลักดันน้ำเร่งระบายช่วยใต้

หน่วยเฉพาะกิจผลักดันน้ำ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ เริ่มติดตั้งเรือผลักดันน้ำตั้งแต่เวลา 01.00 น. ที่ผ่านมา ณ จุดที่ 1 บริเวณสะพานคลองระบายน้ำชะอวด - แพรกเมือง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช โดยเมื่อเวลา 08.45 น. ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการนำเรือลงน้ำเรียบร้อย ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบและยึดตรึง โดยหลังจากนี้จะทำการทดลองเดินเครื่อง โดยจะให้เดินเครื่อง 20 ชั่วโมงต่อวัน เนื่องจากมวลน้ำมีจำนวนมาก การติดตั้งมีความล่าช้า เนื่องจากมีฝนตกตลอดเวลาการปฏิบัติงาน

ทั้งนี้ จะมีการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ รวม 2 จุด โดย จุดที่ 1 บริเวณ สะพานคลองระบายน้ำชะอวด - แพรกเมือง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช รวม 30 ลำ และจุดที่ 2 บริเวณสะพานคลองระบายน้ำฉุกเฉิน อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช รวม 20 ลำ ซึ่งการติดตั้งจุดที่ 1 ลำเลียงเรือผลักดันน้ำจาก อู่ทหารเรือป้อมพระจุลจอมเกล้า กรมอู่ทหารเรือ โดยทางรถยนต์และได้ดำเนินการติดตั้งเรียบร้อย ส่วนจุดที่ 2 ลำเลียงโดยหมู่เรือบรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ (เรือหลวงอ่างทอง) อยู่ระหว่างการเดินทางคาดถึงหมายในเวลา 18.00 น. และในขณะนี้เริ่มเดินเรือผลักดันน้ำจำนวน 30 เครื่องแล้ว เพื่อเร่งการระบายน้ำให้ปริมาณน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่อำเภอชะอวด ลดลงอย่างรวดเร็ว


ทางหลวงสรุปน้ำท่วมใต้6จังหวัดจราจรผ่านได้18แห่ง

กรมทางหลวงได้รายงานสรุปเหตุการณ์ภัยพิบัติและสถานการณ์ฉุกเฉินในเส้นทางสายหลักที่จะเดินทางไปสู่
ภาคใต้ ล่าสุด มีสภาวะน้ำท่วม 6 จังหวัด ได้แก่ จ.ชุมพร, จ.ตรัง, จ.นครศรีธรรมราช, จ.พัทลุง, จ.ยะลา,
จ.สุราษฎร์ธานี มีจำนวนทั้งสิ้น 20 สายทาง 32 แห่ง การจราจรสามารถผ่านได้ จำนวน 18 แห่ง  ผ่านไม่ได้
จำนวน 14 แห่ง

ขณะนี้ยังมีฝนตกหนักทางภาคใต้ ทำให้กระแสน้ำได้เซาะดินจน เป็นเหตุให้คอสะพานขาด บนทางหลวง
หมายเลข 4186 และประชาชนไม่สามารถสัญจรผ่านได้นั้น กรมทางหลวง โดยศูนย์สร้างและบูรณะ
สะพานที่ 4 นครศรีธรรมราช ซึ่งมีความพร้อมทั้งบุคลากร เครื่องมือ และเครื่องจักร ได้ดำเนินการทอดสะพานเบลี่ย์ซึ่งมีความแข็งแรงคงทน เพื่อให้การจราจรสามารถผ่านได้เป็นการชั่วคราวก่อน ในทางหลวงหมายเลข 4186 เสร็จเรียบร้อยแล้ว บริเวณ กม.14 ตอนห้วยพาน -น้ำตกกรุงชิง ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เส้นทางสายหลักจากกรุงเทพฯ -หาดใหญ่(สายเอเชีย) เปิดใช้เส้นทางได้ตามปกติแล้ว ทั้งนี้ขอให้ใช้ทางด้วยความระมัดระวังบริเวณพื้นที่เกิดเหตุ หากประชาชนพบเห็นสิ่งกีดขวางบนทางหลวง

และไม่สามารถสัญจรผ่านได้ สามารถแจ้งเหตุได้ที่สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวง
ในพื้นที่ หรือสายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง)


ปภ.ประสานจว.ใต้รับมือฝนตกหนักถึงพรุ่งนี้

กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานยังคงสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ 8 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง นราธิวาส สงขลา ปัตตานี ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และชุมพร เร่งบูรณาการจังหวัด หน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระดมสรรพกำลังและทรัพยากรปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง พร้อมประสาน 13 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล เตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งอย่างต่อเนื่อง ถึงวันที่ 9 มกราคม 2560 โดยจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว และวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยประจำจุดเสี่ยงให้ พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที

ทางด้าน นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ในภาพรวมสถานการณ์ในปัจจุบันยังมีฝนตกในพื้นที่ ระดับน้ำลดลง ยกเว้น จ.นครศรีธรรมราช และชุมพร ระดับน้ำเพิ่มขึ้น และนราธิวาส ระดับน้ำทรงตัว โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว รวมถึงแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น อีกทั้งจัดเจ้าหน้าที่ พร้อมรถบรรทุกขนาดใหญ่ เรือท้องแบนอำนวยความสะดวกในการสัญจรแก่

ประชาชนในพื้นที่ประสบภัย ตลอดจนประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจและจัดทำบัญชีผู้ประสบภัย และทรัพย์สินที่เสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ โดยด่วนต่อไป 

ทั้งนี้ นายฉัตรชัย กล่าวว่า ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทาง สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook