ท็อป ณัฐเศรษฐ์ยังไม่ชินชีวิตหลังหย่าแพม

ท็อป ณัฐเศรษฐ์ยังไม่ชินชีวิตหลังหย่าแพม

ท็อป ณัฐเศรษฐ์ยังไม่ชินชีวิตหลังหย่าแพม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนุ่ม 'ท็อป ณัฐเศรษฐ์' ยังไม่ชินชีวิตหลังหย่า เจอ 'แพม' ได้ปกติยังไม่คิดมีใหม่

ยังคงไม่ชินกับชีวิตการเป็นโสด หลังจากที่จับปากกาเซ็นต์ใบหย่าไป สำหรับ "ท็อป - ณัฐเศรษฐ์" โดยล่าสุดเจ้าตัวได้เปิดใจพร้อมอัพเดทอาการป่วยที่หลายคนสงสัยหลังมีภาพหนุ่มท็อป กับการรักษาตัวเมื่อสองปีก่อนออกมา โดยเจ้าตัวยอมรับว่า ป่วยเป็นโรคหยุดหายใจนะหว่างหลับ ซึ่งต้องใช้เครื่องช่วยหายใจในตอนนอนด้วย 

"ช่วงนี้เป็นช่วงที่ปรับสภาพอยู่หน่อยๆ ครับ แล้วมันจะมีทริปที่ไปด้วยกันซึ่งมีแก๊งผมกับคุณแพมด้วยเลยต้องมีการเปลี่ยนแผนนิดหนึ่งเพราะมันมีอะไรที่ไม่เหมือนเดิม"

ยังมีช่วงเวลาที่เศร้าอยู่ไหม?

"เป็นธรรมชาติครับ มีเป็นช่วงๆ บางทีนึกถึง แต่เราก็จะมองเห็นตัวเองว่าเรากำลังรู้สึกอะไรอยู่ แต่ไม่ได้ไปจมปลักกับมัน ถ้ารู้สึกตัวได้ก็ปล่อยแล้วเดินต่อไป"

ยังได้ติดต่อกันอยู่ไหม?

"มีคุยกันบ้างครับ ส่วนมากจะเป็นเรื่องธุระนิดหน่อย ซึ่งก็ไม่ได้คุยกันเป็นประจำเหมือนเมื่อก่อน"
หลายคนต่างก็ชื่นชมถึงจะเลิกกันแล้วแต่ก็ยัง

สามารถถ่ายรูปคู่กันได้?

"ใช่ครับ ถ้าได้เจอกัน แต่พักหลังที่ผ่านมาไม่ได้เจอกันเลยครับ ผมกับแพมจะมองทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมชาติ เราไม่ได้มองว่าเราจะไม่เจอกันหรือจะต้องมาเจอกัน ผมว่าเราคบกันมานาน เราก็ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ เวลามีอะไรที่ดีๆ ก็พร้อมจะช่วยคุณแพมอยู่แล้ว และผมเองก็มั่นใจถ้าหากผมมีอะไรคุณแพมก็พร้อมที่จะช่วยผมเหมือนกัน"

สถานะเราเปลี่ยนไป เวลามาเจอกันมีความรู้สึกแปลกๆ ไหม หรือว่ายังคงรู้สึกเหมือนเดิม?

"เอาจริงๆ ผมยังไม่ได้มีโอกาสได้เจอกันเลยหลังจากได้ถ่ายรูปคู่กันครั้งนั้น แต่ก็มีคุยโทรศัพท์บ้างหรือส่งไลน์หากันบ้าง"

อย่างทริปปีใหม่ที่จะต้องไปเที่ยวด้วยกันพร้อมหน้า เราตั้งใจจะแคนเซิล เพราะยังทำใจไม่ได้หรือเปล่า?

"มันเป็นการไปเที่ยวทั้งครอบครัวผมและครอบครัวเขา ผมเลยตัดสินใจไม่เดินทางไปเลยดีกว่า ครอบครัวผมก็ไปโดยที่ไม่มีผม ครอบครัวแพมก็ไปโดยที่ไม่มีผมด้วย จึงเป็นปีแรกเลยที่ผมอยู่ที่เมืองไทย ผมก็อยู่กับเพื่อนก็โชคดีมากที่ทำให้ผมได้คิดว่ามันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป คือมันไม่ได้มีอารมณ์อกหักอะไรขนาดนั้นนะ แต่มันเป็นสิ่งที่เราทำมาตลอด 8 ปี ซึ่งปีนี้เป็นปีที่เปลี่ยนไป เราไม่ได้ทำอะไรแบบเดิม เราก็ต้องสร้างหรือทำอะไรใหม่ๆ ครับ ซึ่งมันก็มีหวิวๆ นิดนึง อย่างทริปล่าสุดที่ต้องไปกับแก๊งเพื่อนและเขาทุกปี แต่ปีนี้ผมก็ไม่ได้ไป"

แสดงว่าเรายังพร้อมเผชิญหน้ากับเขาก่อน?

"ไม่ถึงขนาดนั้นครับ แต่เราคิดว่าอยากให้ทุกคนไปแล้วสนุกครับ ผมเลยต้องแอบขอพ่วงไปทริปคุณเอมี่ที่เพิ่งไปมา ผมก็พยายามไปกับแก๊งนู้นแก๊งนี้เพื่อที่จะได้มีอะไรใหม่ๆ บ้าง"

ตอนนี้เรายังคงคุยกับแพม จะมีโอกาสเปิดใจคุยกับคนใหม่ไหม?

"ไม่ได้คิดครับ อย่างคนใหม่เราก็คงจะไม่เอามาเทียบกันกับคุณแพมอยู่แล้ว เรื่องที่พูดยากถ้าวันนั้นต้องมาถึงจริงๆผมว่าคนใหม่ที่เข้ามาก็คงเข้าใจ ซึ่งตอนนี้ผมก็คิดว่าตัวเองยังไม่พร้อม ตอนนี้ก็ยังใช้เวลาอยู่กับตัวเองและเพื่อนๆ"

แต่ในแก๊งส่วนใหญ่ก็จะไปกันเป็นคู่หรือเป็นครอบครัว มันทำให้เราคิดอยากจะมีครอบครัวอีกครั้งไหม?

"ก็มีครับ บางทีเล่นกับเด็กๆ ลูกของเพื่อนๆ มันก็ทำให้เรารู้สึกว่าเราผ่านจุดนั้นมาแล้ว เราเคยอยู่ในช่วงที่มีโอกาสแบบนั้น เราก็ยอมรับความจริงแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปครับ คือผมก็ไม่ได้คาดคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้มันจะเกิดขึ้น พอมันเกิดขึ้นเราก็ต้องรับสภาพแล้วเดินต่อไป"

ล่าสุดมีภาพเราป่วยหนักออกมา สรุปแล้วเป็นอะไร?

"ตอนนั้นคุณแพมเขาสันนิษฐานว่าจะเป็นโรคเดียวกับพ่อเขา คือนอนแล้วหยุดหายใจ เลยให้เราไปนอนเทสที่โรงพยาบาล เป็นภาพเมื่อ 2 ปีก่อน มันเป็นภาพที่ดูน่ากลัว เพราะต้องเช็คทุกอย่างเลยทั้งสมองและหัวใจ เพื่อเช็คดูว่าสาเหตุที่เกิดเพราะอะไร แต่ทุกวันนี้ก็โอเคครับใช้เครื่องช่วยหายใจตอนนอน ตอนนี้อาการก็มีกำเริบบ้าง ทำให้เวลาไปไหนไกลๆต้องพกออกซิเจนไปด้วย ถ้าแก่ขึ้นและไม่รักษามันหรือไม่ใช้ออกซิเจนก็ถือว่าอันตรายเพราะร่างกายจะพักผ่อนไม่เพียงพอ มันจะทำให้เพลียและล่วงลงไปง่าย ซึ่งเราก็ต้องสังเกตตัวเองครับ สาเหตุที่เกิดของผมมันเกิดขึ้นจากสมองเพราะความเครียดและคิดเยอะ ตอนนี้ก็พยายามที่จะปรับชีวิตใหม่ ทำตัวเองให้สนุก มีความสุข ไม่เครียด"


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook