เริ่มวุ่น! คดี “จอมทรัพย์” ส่อพลิก อดีต ส.ว.มุกดาหาร เปิดความจริงบางมุม

เริ่มวุ่น! คดี “จอมทรัพย์” ส่อพลิก อดีต ส.ว.มุกดาหาร เปิดความจริงบางมุม

เริ่มวุ่น! คดี “จอมทรัพย์” ส่อพลิก อดีต ส.ว.มุกดาหาร เปิดความจริงบางมุม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

18 ม.ค. 60 – ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 54 ปี อดีตข้าราชการครู จ.สกลนคร ที่ออกมาร้องเรียนกับกระทรวงยุติธรรมว่า ตกเป็นแพะ ในคดีขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต คือ เมื่อปี 2548 นางจอมทรัพย์ถูกตั้งข้อกล่าวหาว่า ได้ขับรถชน นายเหลือ พ่อบำรุง อายุ 75 ปี ซึ่งกำลังขี่จักรยานเสียชีวิตบนถนนในพื้นที่ ต.ท่าลาด อ.เรณูนคร จ.นครพนม โดยคดีนี้มีการต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม 3 ศาล คือ ศาลชั้นต้น ตัดสินจำคุก 3 ปี 2 เดือน ส่วนชั้นอุทธรณ์ยกฟ้อง และเมื่อปี 2557 ศาลฎีกาพิพากษาตามศาลชั้นต้น ภายหลังนางจอมทรัพย์ได้รับการอภัยโทษรวมจำคุก 1 ปี 6 เดือน

ต่อมานางจอมทรัพย์ร้องเรียนต่อกระทรวงยุติธรรมว่า ตกเป็นแพะในคดีดังกล่าว เเละขอให้ศาลอุทรณ์ภาค 4 รื้อคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ ซึ่งศาล จ.นครพนม ได้นัดสืบพยานจากฝ่ายผู้ร้องและฝ่ายคัดค้าน ระหว่างวันที่ 8–10 ก.พ. เพื่อดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม

ทั้งนี้ คดีดังกล่าวกลายเป็นกระแสสังคม เนื่องจากมีข่าวแพร่ออกไปตามสื่อมวลชนเเละรวมถึงโลกโซเชียล มีเดีย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาโต้แย้งว่า ได้ดำเนินคดีถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมายและมั่นใจว่า นางจอมทรัพย์เป็นผู้กระทำผิดจริง พร้อมยืนยันว่า มีการสร้างเรื่องเเละจัดฉาก รวมถึงมีการว่าจ้างให้ผู้อื่นมารับผิดแทนนางจอมทรัพย์ เเละอยู่ระหว่างการสืบสวนรวบรวมหลักฐาน โดยจะมีการแจ้งความเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องในขบวนการนี้ภายในเร็ว ๆ นี้  

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามข้อเท็จจริงกับ พ.ต.ท.จิตต์ ศรีโยหะ มุกดาธนพงศ์ อดีต ส.ว.มุกดาหาร  ในเรื่องนี้ โดยอดีตส.ว.มุกดาหารชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2556 กลุ่มบุคคลประมาณ 10 คน นั่งรถตู้ มาพบที่บ้านพักของตนใน จ.มุกดาหาร โดย 1 ในจำนวนนี้ มีนายสับ วาปี (ซึ่งเป็นญาติทางฝ่ายแม่ของนางจอมทรัพย์) เพื่อขอให้ช่วยเหลือเรื่องคดีความของนางจอมทรัพย์ แต่ตนได้ปฏิเสธไป เนื่องจากศาลฎีกาได้พิพากษาเป็นที่สิ้นสุดแล้ว

พ.ต.ท.จิตต์ กล่าวว่า โดยระหว่างที่มีการพูดคุยในเรื่องนี้ บางคนในกลุ่มนั้นได้บันทึกวิดีโอและภาพนิ่งไว้  ตนจึงได้ทักท้วงไปว่า "ควรให้เกียรติกันบ้าง และขอความร่วมมือไม่ให้ถ่ายภาพ" กระทั่งทราบว่า มีการนำไปเป็นหลักฐานในการยื่นเรื่องต่อกระทรวงยุติธรรม และยื่นเรื่องร้องต่อศาลจังหวัดนครพนมเพื่อรื้อฟื้นคดี

พ.ต.ท.จิตต์ ระบุว่า ในตอนนั้นให้คำปรึกษาไปว่า คดีนี้ศาลพิพากษาคดีเป็นที่สิ้นสุด ไม่สามารถช่วยเหลือทางคดีได้ กลุ่มบุคคลดังกล่าวจึงเดินทางกลับ โดยส่วนตัวไม่ได้รู้จักนายสับเป็นการส่วนตัว แต่มีครูใน จ.มุกดาหาร พากลุ่มบุคคลเข้ามาพบ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook