นายกฯชวนทำดีถวายร.9-ขอทุกฝ่ายร่วมปรองดองสู่ปชต.

นายกฯชวนทำดีถวายร.9-ขอทุกฝ่ายร่วมปรองดองสู่ปชต.

นายกฯชวนทำดีถวายร.9-ขอทุกฝ่ายร่วมปรองดองสู่ปชต.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกรัฐมนตรี ขอประชาชนร่วมกันทำความดี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล สานต่อพระบรมราชปณิธานในหลวง ร.9 พร้อมเร่งช่วยเหลือเยียวยาน้ำท่วม หวังทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันสร้างปรองดอง ยันทหารไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งของใคร ขอเคารพพกฏหมายร่วมมือกับรัฐบาลเดินหน้าประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ"ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า นับตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2559  จนถึงวันนี้ 20 มกราคม 2560 รวมเป็นเวลาครบ 100 วัน แห่งการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศไทย และปวงชนชาวไทยทุกคน การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้มีพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา ทุกเพศ ทุกวัย จากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งรวมไปถึงชาวต่างชาติ ก็ได้เดินทางมาแสดงความจงรักภักดี และพร้อมใจกันถวายสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสิ้นแล้วกว่า 3 ล้านคน

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า แม้ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จสู่สวรรคาลัยแล้ว แต่พระเกียรติยศ และ "ศาสตร์พระราชา" ของพระองค์ ที่ได้พระราชทานไว้แก่คนไทย ตลอดระยะเวลา 70 ปี จะยังคงอยู่คู่แผ่นดินไทยตลอดไป และในโอกาสนี้ขอเชิญชวนประชาชนคนไทยทุกคน ร่วมกันทำความดี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และสานต่อพระบรมราชปณิธาน ในการที่ร่วมกัน "รู้รักสามัคคี" เดินหน้าประเทศ ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ตามวิสัยทัศน์ "มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" 

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งยังวิกฤตินั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพพยวรางกูร ได้มีพระราชหัตถเลขา เพื่อให้กำลังใจประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น แสดงถึงความรัก ความห่วงใย ของพระองค์ที่มีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน  ที่สำคัญเป็นการสะท้อนถึงความผูกพัน ระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชนคนไทย มากว่า 700 ปี พร้อมกับพระราชทานแนวทางเพิ่มเติมให้กับรัฐบาล ในการทบทวน "ศาสตร์พระราชา" ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระราชทานไว้ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืน มาพิจารณาดำเนินการอย่างเหมาะสม เพื่อความสุขของประชาชน และความมั่นคงของชาติ ซึ่งได้สั่งการไปกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว รวมทั้งได้จัดกิจกรรม "ประชารัฐร่วมใจ ช่วยอุทกภัยภาคใต้" เพื่อเป็นการระดมความช่วยเหลือจากผู้มีจิตศรัทธาทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูและเยียวยาผู้ประสบภัย ซึ่งปัจจุบันมียอดเงินบริจาค รวมทั้งสิ้นเกือบ 500 ล้านบาท 

โดยภาครัฐได้มีมาตรการต่างๆ อีกมายมาย อาทิ ยกเว้นภาษีบุคคลธรรมสำหรับค่าใช้จ่ายซ่อมแซมที่อยู่อาศัย พักชำระหนี้ 6 เดือน,ให้วงเงินสินเชื่อฉุกเฉินเพื่อฟื้นฟูกิจการ,พักชำระหนี้เงินต้นเกษตรกร ตลอดจนขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยเหลือร่วมมือกันอย่างเต็มที่ ในการแสดง "พลังประชารัฐ" ที่แฝงอยู่ในเลือดเนื้อคนไทย ที่พร้อมจะร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน"ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง"

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทุกฝ่ายต่างเรียกร้อง "การปรองดอง"นั้น เจตนารมณ์ของนายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. คืออยากเห็นทุกฝ่าย รวมทั้งพรรคการเมือง  กลุ่มการเมือง "หันหน้าเข้าหากัน" ร่วมมือกับประชาชนทุกคน ผลักดันประชาธิปไตยที่แท้จริงสู่สังคมไทย และนำพาบ้านเมืองสู่ความสงบสุข และสันติ เพราะที่ผ่านมาเสียเวลามามากแล้ว ถึงเวลาต้องจับเข่าคุยกัน แสดงความจริงใจ ความเสียสละ และแสดงความรักชาติ ซึ่งเชื่อว่ามีอยู่ในสายเลือดคนไทยทุกคน เพราะทุกปัญหามีทางออก ไม่ใช่ว่า "ทุกทางออก...มีแต่ปัญหา" แต่ต้องหาให้เจอ ดำเนินการให้ได้ อย่างเป็นรูปธรรม และยั่งยืน ต้องเริ่มนับหนึ่งวันนี้ วันข้างหน้าก็จะครบหนึ่งร้อย 

พร้อมกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวด้วยว่า ตลอด 2 ปีกว่าที่ รัฐบาล และ คสช. ได้ดำเนินการร่วมกับ "แม่น้ำ" ทั้ง 5 สาย ในมิติที่แตกต่างกัน ซึ่งแต่ละฝ่ายรับผิดชอบ คู่ขนาน กันไปพร้อมๆ กันอย่างต่อเนื่อง มีการสร้างการรับรู้ เป็นระยะๆ และจำเป็นต้องสร้าง ความเชื่อมโยงนำสิ่งที่แต่ละฝ่าย แม่น้ำแต่ละสายได้ทำไว้ มาจัดกลุ่ม จัดระเบียบร้อยเรียงเข้าด้วยกัน ภายใต้กรอบใหญ่ เพื่อให้เกิด ความประสานสอดคล้อง ส่งเสริม หรือเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งกันและกัน ทั้งเรื่องปฏิรูป ยุทธศาสตร์ชาติ มาเติมเต็มเป็นภาพอนาคตประเทศไทย ที่อยากเห็น จึงมี "คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดิน ตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง” ที่เรียกว่า ป.ย.ป. ขึ้นมาเพื่อดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้จุดเริ่มต้นของความปรองดอง คือ ความเข้าใจ อันจะนำมาซึ่งความร่วมมือเพื่ออยู่อย่างสันติสุขในอนาคต อยากจะฝากให้ทุกคนได้คิด อาจเป็นอุทาหรณ์ เพื่อความเข้าใจซึ่งกันและกันคือ ที่ผ่านมา ในยามที่พืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ก็มักจะมีการรวมกลุ่ม ตั้งเวที ปิดถนน เรียกร้อง ต่อรองให้รัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหา เอาประชาชนเป็น ตัวประกัน เอาความเดือดร้อนจากการจราจรเป็น เงื่อนไข  ซึ่งมักจะมี ผู้อยู่เบื้องหลัง  ซึ่งอาจเป็นผู้หวังดีหรือไม่หวังดี และอาจเป็นผู้ที่หวังผลทางการเมืองซึ่งแบบนี้ เป็นแนวทางที่ไม่ปรองดอง และนำมาซึ่งการแก้ปัญหาที่ไม่ยั่งยืน  ดังนั้น ผู้กระทำผิด โดยเฉพาะผู้ที่อยู่เบื้องหลังย่อมมีความผิดตามกฎหมาย ยกเว้นไม่ได้  และจะปล่อยให้เกิดขึ้นอีกก็ไม่ได้

พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำด้วยว่า ทหารไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งของใคร จะทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกเท่านั้น และรัฐบาลก็ไม่ได้ปิดกั้น พร้อมที่จะส่งเสริม หากการกระทำเหล่านั้น ไม่ละเมิดกฎหมาย แต่หากต้นเหตุของปัญหา กระทบต่อผู้คนในสังคมและส่วนรวมแล้ว รัฐบาลก็จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมาย ด้วยความเป็นธรรม ซึ่งรัฐบาลและ คสช. เต็มใจที่จะเป็นสะพาน เชื่อมโยงความเห็นจากทุกฝ่าย ประสานความหวังให้เป็นหนึ่งเดียว  ผนึก พลังประชารัฐ เพื่อทำความต้องการของทุกฝ่ายให้เป็นความจริง  เพราะหากมีความต้องการ แต่อ้างว่าทำไม่ได้ และไม่เริ่มลงมือทำ ก็ไม่เกิดประโยชน์ และส่วนตัวเชื่อว่า ไม่มีอะไร ที่เป็นไปไม่ได้

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องคดีต่างๆ เรื่องทางกฎหมาย อาจจะเป็นชนวนสร้างความขัดแย้งในสังคม เพราะบางคนอาจจะมุ่งหวังให้มีการลุกลาม บานปลาย โดยการสร้างการรับรู้อย่างผิดๆ ให้กับองค์กรโลก ประชาคมโลก ว่ารัฐบาลนี้ ละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั้งๆ ที่มีกฎหมายอยู่ทุกฉบับ ไม่จำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษแต่อย่างใด แต่ทุกคนไม่ร่วมมือ พยายามหาจุดอ่อนของกฎหมายเป็นทางออก ซึ่งเป็นการกระทำของกลุ่มคนที่ไม่คิดจะเคารพกฎหมาย เมื่อเจ้าหน้าที่เข้มงวด บังคับใช้กฎหมาย ก็มักจะตีโพยตีพาย เพราะฉะนั้น เมื่อทุกคนไม่ต้องการให้บ้านเมือง "ไร้ขื่อแป" ก็ขออย่ามีใครใช้เรื่องคดีเพื่อหวังผลทางการเมือง มุ่งประโยชน์ส่วนตนโดยอ้างคำว่าประชาธิปไตย สร้างภาพ จอมปลอม  

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ทิ้งท้ายว่า ประชาชนเกิน 90% ปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ต้องได้รับผลกระทบ เพราะมีแกนนำ กลุ่มบุคคล เพียงไม่กี่คน ที่ยังจะคงทำลายประเทศ ก็ได้แต่เพียงขอร้องให้ สังคม ประชาชน ทุกหมู่เหล่าได้ช่วยกันคิดว่าจะอยู่ร่วมกันอย่างไร จะยอมให้ผู้ที่มาจากการเลือกตั้งทำอะไรก็ได้ใช่หรือไม่ และมากล่าวหาว่าทหารเข้ามาทำให้ประชาธิปไตยเสียหาย  ยืนยันทหารเข้ามาเพื่อแก้ปัญหาที่สะสมมานาน สุดท้ายนี้ขอความร่วมมือประชาชน "ผู้ที่รักประเทศชาติ" ร่วมกับรัฐบาล ในการเดินหน้าประเทศ ตามยุทธศาสตร์ ปฏิรูปประเทศ และสร้างการปรองดอง โดยไม่ต้องบังคับ ยืนยันพร้อมรับฟังทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดความปรองดองอย่างแท้จริง


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook