ส่งหนุ่มติดเชื้อ HIV กลับเช็ก วุ่นเบาๆ สายการบินผวาไม่ให้ขึ้น

ส่งหนุ่มติดเชื้อ HIV กลับเช็ก วุ่นเบาๆ สายการบินผวาไม่ให้ขึ้น

ส่งหนุ่มติดเชื้อ HIV กลับเช็ก วุ่นเบาๆ สายการบินผวาไม่ให้ขึ้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม นายฟรายเฟอร์ ซเดเน็ค (PFEIFER ZDENED) อายุ 52 ปี สัญชาติเช็ก ได้ที่จังหวัดภูเก็ต ผู้ต้องหาตามหมายจับของตำรวจสากลในข้อหา จงใจแพร่โรคติดต่อร้ายแรง พรากผู้เยาว์ ถ่ายคลิปลามกอนาจาร

ล่าสุด (24 ม.ค.) พลตำรวจโทณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) นำตัว นายฟรายเฟอร์เดินทางมาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีนายยาโรสลาฟ ซามาซาล กงสุลสาธารณรัฐเช็ก ประจำประเทศไทย และเจ้าหน้าที่ของทางการเช็ก จำนวน 6 นาย มารับตัวผู้ต้องหากลับประเทศ

พลตำรวจโทณัฐธร เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาเดินทางเข้ามาประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2558 และวีซ่าหมดวันที่ 4 สิงหาคม 2558 รวมแล้วผู้ต้องหาอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรเกินกําหนด 504 วัน จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวส่งศาล ศาลจึงพิพากษาลงโทษและปรับเป็นที่เรียบร้อย ถือว่าสิ้นสุดการดำเนินคดีในประเทศไทยแล้ว

ส่วนที่นายฟรายเฟอร์ รับสารภาพว่าระหว่างหลบซ่อนตัวในจังหวัดภูเก็ต มีการร่วมหลับนอนกับผู้หญิงไทยหลายคน แต่ขณะนี้ยังไม่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงยังไม่สามารถดำเนินคดีในข้อหาอื่นๆได้

ทั้งนี้ ในการผลักดันออกนอกประเทศ ติดปัญหาที่ไม่มีสายการบินที่บินตรงระหว่างไทยกับสาธารณรัฐเช็ก จึงต้องต่อเครื่องในประเทศในแถบยุโรป สายการบินหลายแห่งจึงปฏิเสธ เพราะกังวลความปลอดภัยของผู้โดยสารในเที่ยวบิน และก่อนหน้านี้ สาธารณรัฐเช็กต้องการให้เจ้าหน้าที่ไทยเป็นผู้ส่งผู้ต้องหาเอง

แต่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความเป็นห่วงเจ้าหน้าที่ไทยที่ต้องเดินทางไกล พร้อมไปกับการควบคุมตัวผู้ต้องหาที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ที่อาจจะหลบหนีหรือทำร้ายเจ้าหน้าที่ได้

จึงประสานไปที่ทางการสาธารณรัฐเช็กอีกครั้งให้ส่งเจ้าหน้าที่มาควบคุมตัวกลับประเทศ โดยจะเดินทางออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในช่วงบ่ายของวันนี้และต่อเครื่องที่เมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี

นอกจากนี้ สตม.ได้บันทึกข้อมูลในระบบบุคคลต้องห้าม เพื่อไม่ให้เดินทางเข้าประเทศไทยได้อีก และดำเนินคดีกับเจ้าของที่พักที่ให้ผู้ต้องหาอาศัยด้วย จึงขอความร่วมมือผู้ประกอบการโรงแรม หอพัก เกสเฮ้าส์ และพี่น้องประชาชนที่ให้คนต่างชาติเข้าพักอาศัย แจ้งเรื่องการเข้าพักตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองฯมาตรา 38 ด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook