จบดราม่า! ฌอห์ณ ยันไม่เคยพูด ไม่อยากร่วมงาน เอสเธอร์

จบดราม่า! ฌอห์ณ ยันไม่เคยพูด ไม่อยากร่วมงาน เอสเธอร์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากที่ปล่อยให้ประเด็นดราม่า "จิ้นแตก" คาราคาซังมานาน แถมฝ่ายหญิงอย่างสาว "เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา" ก็ออกมาเคลียร์ผ่านสื่อไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!!

ล่าสุดก็ถึงคิวที่หนุ่ม "ฌอห์ณ จินดาโชติ" ต้องออกมาชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าวกับเขาบ้าง โดยเฉพาะเรื่องที่หลายคนยังคงสงสัยกรณีออแกไนซ์งานอีเว้นท์ออกมาแฉว่าพระเอกหนุ่มคือคนที่ปฏิเสธร่วมงานกับสาวเอสเธอร์ เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?? ซึ่งหนุ่มฌอห์ณก็ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จในมุมของตัวเองถึงเรื่องนี้ให้เราฟังว่า...

"มันก็ไม่มีอะไรมากครับเพราะทางผู้ใหญ่กับทางผู้จัดการของผมก็ได้ชี้แจงไปหมดแล้ว มันก็เป็นแค่การคุยงานติดต่องานที่ไม่ตรงกันตั้งแต่แรกในตอนท้ายในฐานะผู้ว่าจ้าง ก็เลยต้องถามผู้ว่าจ้างว่าต้องการจะทำงานแบบไหน ต้องการจะทำงานคู่ก็ว่าไปตามงานคู่ ถ้าทำงานเดี่ยวก็ต้องถามลูกค้าว่าจะเลือกแบบไหน เพราะการจะรับงานอีเว้นท์ของผมไม่เคยมีปัญหาในการทำงานอีเว้นท์ที่ไหนเลย ซึ่งเราเข้าใจว่ากระบวนการในการบอกต่อมันอาจจะมีปัญหาทำให้เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา แต่ตัวเราเองได้คุยกับทางลูกค้าแล้วว่าปัญหามันคืออะไรเข้าใจตรงกันไหม ซึ่งลูกค้าก็โอเค แต่ผมไม่อยากให้พอไปเล่ากันปากต่อปากเรื่องราวเลยบานปลาย ส่วนผมมีหน้าที่ในการชี้แจงปัญหาทุกอย่าง"

เราไม่ได้เป็นคนออกปากว่าไม่อยากร่วมงานกับเอสเธอร์ใช่ไหม ?
"ผมไม่ได้พูดอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะเรายังถามเขากลับไปว่าถ้าจะรับงานคู่ก็ต้องมีการคุยกันไหม เพราะนักแสดงทุกคนจะต้องทราบอยู่แล้วในเรื่องของเรตราคา ซึ่งตอนแรกเรารับงานปกติเหมือนทางที่ผู้จัดการแจ้งไป และหลังจากนั้น 3 วัน เรามารู้จากการโพสต์ของคนอื่นว่าเราต้องร่วมงานกับเขา เราเลยรู้สึกว่ามันไม่ได้มีปัญหาที่ตัวบุคคล แต่เรามีปัญหาในเรื่องของการคุยงานที่มันไม่เป็นผู้ใหญ่ เรารู้สึกแค่ว่าบอกตรงๆ ก็ได้เพราะผมเป็นนักแสดง จะทำอะไรก็ได้ แค่คุณแจ้งให้เราทราบล่วงหน้าเท่านั้นเอง ถามว่ารู้สึกกดดันไหม ไม่โกรธครับที่บ้านผมไม่มีใครโกรธเลย"

ทางเอสเธอร์บอกว่าเป็นเราที่ไม่อยากร่วมงานด้วย ?
" ก็อย่างที่บอกครับความจริงก็คือความจริง ผมไม่ได้มาตีโพยตีพาย โชคดีที่มีผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการหลายท่านเข้ามาช่วย ผมต้องขอบคุณพี่เอกกี้ด้วยเพราะถ้าไม่ได้พี่เอกกี้ผมก็แย่เหมือนกัน แต่เรื่องนี้ไม่ได้มีการเคลียร์กันเพราะไม่ได้มีใครติดต่อมาเราก็เลยไม่ได้ติดต่อไป เนื่องจากเรารู้สึกว่าทุกคนได้บอกเหตุผลในส่วนของตัวเองไปหมดแล้ว ต่อไปถ้าจะร่วมงานก็แค่ดิวงานกันใหม่"

ในเรื่องของวินัยการทำงานที่ทางออแกไนซ์บอกว่าเรามาสาย ?
"เขานัดผมประมาณบ่าย 2 และงานเริ่มบ่ายสาม 3 ตอน 2 โมง 15 ผมยังขออนุญาตเขาไปปัสสาวะอยู่เลย พี่เอกกี้มาตอน 2 โมง 15 ผมก็ยังคุยกับแกอยู่ เอาจริงๆ นะครับในฐานะนักแสดงผมคิดว่าเรื่องวินัยเป็นสิ่งสำคัญมาก แค่คุณมาสายก็แย่แล้ว และมันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะผิดพลาด ถ้าสมมุติผมมาสายจริง ผมคงเดินไปคุยกับทางเจ้าของงานตั้งแต่แรกแล้วเพราะในวันงานที่พี่นักข่าวก็อยู่ แต่ผมรู้สึกว่าตัวผมรู้ว่าอะไรเป็นอะไร และผู้ใหญ่ก็อยู่ในงานก็เลยไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอะไร ถามว่างงไหมที่ทางนั้นออกมาพูด ไม่งงครับ เพราะคนเรามีเหตุผลหลายแบบ คนเรามีหลายประเภท เขาก็อาจจะเป็นคนอีกประเภทหนึ่งที่เป็นคนละแบบกัน"

สามารถร่วมงานกับทางออแกไนซ์ทีมนี้ได้อีกไหม ?
"จ้างมา คุยให้ตรงครับแล้วผมจะไป"

มีดราม่าแจกผลไม้ให้ เอสเธอร์ ?
"ผมไม่ชอบนะ ผมไม่มีความเห็นด้วยเกี่ยวกับการแบ่งทีม เพราะสุดท้ายแล้วเราก็ยังเป็นพี่น้องในวงการเดียวกันไม่ช้าหรือเร็วเราก็ต้องเจอกันไม่ว่ากับใครก็แล้วแต่ ผมยังอยากมองหน้าแล้วพูดคุยกับเขาได้ปกติ ผมรู้สึกว่าการไปแจกผลไม้มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย มันไม่ใช่เทศกาลนี้ด้วย (หัวเราะ) การแสดงความคิดเห็นสามารถแสดงได้แต่อย่าไปทำร้ายกัน ส่วนเรื่องที่ผมโดนหาว่าไม่อยากร่วมงานกับทางนั้น ผมคิดว่าเดี๋ยววันหนึ่งเขาก็คงเข้าใจเอง เพราะผมบอกแล้วว่าผมไม่ได้มีปัญหา แต่ไม่ได้มีการคุยกันนอกรอบเลย เพราะไม่ได้รับการติดต่อมา ผมทราบทุกอย่างจากที่พี่ๆ บอกและรู้จากการลงรูป ซึ่งผมก็รู้สึกว่าทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง เราก็ยึดตามเหตุผลของเรา ผิดก็ว่าไปตามผิดถูกก็ว่าไปตามถูก"

เราไม่อยากอธิบายอะไรเลยเหรอให้คนที่เขาอาจจะกำลังเข้าใจเราผิด ?
"ยิ่งพูดเรื่องมันก็จะยิ่งไม่จบครับ ผมเป็นห่วงคนในครอบครัวและแคร์คนรอบข้างมากกว่า และงานผมยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ ถ้าจะให้มาแคร์แค่งานอีเว้นท์งานเดียวมันก็ไม่ใช่ ถ้าตัวเราผิดแล้วก็ออกมาชี้แจงว่าเราผิดอะไร และเรื่องที่เราพูดมันก็คือรายละเอียดของการทำงานทั้งหมดแล้ว"

ตอนนี้มีการแบ่งทีมกันแล้ว ?
"ผมไม่ได้แบ่งทีมครับ ก็จ้างมาอย่างที่บอก ละครถ้าจ้างมาผมก็ไป งานอีเว้นท์ถ้าจ้างมาแล้วถูกต้องตามกระบวนการผมก็ไป ขอแค่ให้ผมทราบล่วงหน้าว่าคุณต้องการอะไรบ้าง ผมคิดว่าในฐานะนักแสดงแค่บอกตรงๆ เราก็ยินดีทำให้"

ความรู้สึกของเราที่มีต่อ เอสเธอร์ ยังเหมือนเดิมไหม ?
"(นิ่งคิด) ผมก็เรื่อยๆ นะ อาจจะมีจุกๆ บ้าง ก็รู้สึกว่าเขาแค่เข้าใจผิด เดี๋ยววันหนึ่งเขาก็จะเข้าใจถูกมันแค่คนที่มองต่างมุมถ้าเรามองในมุมเขาก็เข้าใจ เพราะถ้าเขารับสารมาแบบนั้นโดยที่ไม่ได้ฟังทั้งหมด ก็อาจจะเข้าใจได้แบบนั้น ก็เลยรู้สึกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวทุกอย่างจะคลี่คลายเองในวันหนึ่ง แต่ผมก็ยินดีจะร่วมงานกับเขานะ และผมพูดวันนี้ก็จะจบวันนี้พรุ่งนี้ผมไม่พูดแล้ว เพราะจริงๆ เรื่องนี้มันผ่านมาเป็นเดือนแล้วทำงานอื่นมาหลายอย่างแล้วมันจะไม่จบถ้าคุณคิดจะพูดอยู่ ถ้าเรื่องมันจะจบก็คือทุกคนคิดที่จะเงียบ"

เรายังร่วมงานกับเอสเธอร์ได้อยู่ใช่ไหม ?
"ได้ครับ เพราะทางผู้ใหญ่ พี่ป้อน (นิพนธ์ ผิวเณร) ก็เรียกผมเข้าไปคุยว่า แพลนละครของผมจะเป็นยังไงแล้วอยากร่วมงานกับใครบ้าง"

แสดงว่าเรามีแพลนจะได้ร่วมงานกับเอสเธอร์จริงๆ ?
" ผู้ใหญ่เขาก็วางๆ กันอยู่ครับ ผมก็ตอบได้แค่นี้เพราะทางน้องเขาอาจจะยังไม่ทราบ เพราะถามพี่ป้อนเขายังไม่ได้คอนเฟิร์มเคาะเรื่อง แต่ถามพี่ป้อนแค่บอกกับผมว่าพี่ยังอยากให้ฌอห์ณร่วมงานกับน้องอยู่นะเพราะเป็นเคมีที่ดี เดี๋ยวเขาคงหาเรื่องที่เหมาะสมถ้าไฟนอลเมื่อไหร่เดี๋ยวก็คงจะมีคนโทรมาบอกผมเอง ถามว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้เราสองคนอาจจะไม่ได้ร่วมงานกันแล้วหรือเปล่า ผมไม่มีปัญหาครับขอแค่จ้างมาและพูดมาให้ตรง เพราะผมยังต้องทำงานหาเงินจะมาใช้ทัศนคติว่าไม่รับงานกับคนนั้นคนนี้ ผมก็คงตายครับ บ้านผมลำบาก"

เรายังสนิทใจในการทำงานกับเอสเธอร์ไหม ?
"สนิทใจครับ เพราะว่าไม่ใช่ปัญหาของผมกับน้อง แต่เป็นปัญหาของคนกลางที่คุยงานไม่เคลียร์เท่านั้นเอง"

เหมือนคนกลางจะลักไก่ให้เราทำงานร่วมกันใช่ไหม ?
"ผมไม่พูดแบบนั้นดีกว่าครับ เพราะเขาก็มีเหตุผลของเขา เพียงแต่มุมของผมที่รับสารมาคือผมรับสารมาแค่นี้"

เรื่องที่ เคน ภูภูมิ โพสต์ว่าอย่าเห็นแก่ตัว ?
"เขาก็ตอบแล้วนี่ว่าไม่ได้หมายถึงใคร เป็นคำสอนดีๆ ก็โอเคครับ ผู้ชายเขาไม่คิดอะไรกันแบบนั้นหรอก มีอะไรเขาก็คุยกับผมตรงๆ มากกว่า ถามว่ายังร่วมงานกับเคนได้ไหม ผมอยากร่วมงานกับช่อง 3 อยู่แล้ว ถามว่าได้คุยกับเคนบ้างไหม ไม่ได้คุยครับ เคยเจอครั้งถึงสองครั้งตามงาน ก็ทักทายสวัสดีกันในฐานะพี่น้อง แต่ก็ไม่ได้ไปโกรธเคืองหรืออะไร เพราะเราก็เข้าใจในมุมของเขา และเขาก็ออกมาพูดว่าไม่ได้หมายถึงเรา ดังนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก ผมไม่เคยทะเลาะกับใครและผมก็ไม่ชอบทะเลาะกับใคร เพราะสุดท้ายแล้ววงการมันแคบปีหน้าก็อาจจะเจอกันก็ได้ เราร่วมงานด้วยกันดีๆ ดีกว่า"

มีอะไรอยากฝากคนที่อยู่ทีม ฌอห์ณ ไหม ?
"บอกตรงๆ เลยครับว่าทุกครั้งที่มีปัญหาหรือสงคราม ไม่มีผลดีต่อทั้งสองฝ่ายเลย เพราะทุกคนก็จะมีบาดแผลหรือเจ็บตัว สุดท้ายก็อยากจะฝากบอกว่าคุณชอบใครก็สนับสนุนเขา คุณไม่ชอบใครก็อย่าไปทำร้ายเขา เพราะสุดท้ายแล้วคนที่คุณชอบและคุณไม่ชอบ เขาอาจจะมาร่วมเฟรมกันและอาจจะมาเป็นเพื่อนสนิทกันในชีวิตก็ได้ ฉะนั้นสนับสนุนคนที่เรารักและก็ช่วยเหลือนกันดีกว่าไปทำร้ายคนอื่น เพราะผมก็บอกเหมือนกันว่าอย่าไปคอมเม้นท์ทำร้ายกัน เราอยู่ในจุดตรงนี้ดีแล้ว อยู่เฉยๆ ดีที่สุด"

"ทางครอบครัวจินดาโชติ รวมถึงครอบครัวก้องธรนินทร์ กำลังจะสร้างอุโบสถที่บุรีรัมย์ อำเภอนางรอง วัดหัวสะพาน ตอนนี้ก็เรี่ยไรเงินมาได้นิดหนึ่งแล้ว แล้วขาดอยู่เยอะมากเลยครับ ซึ่งทางผมก็เปิดบัญชีอยากให้ทุกคนมาร่วมอนุโมทนาบุญ ซึ่งก็เรี่ยไรเงินประมาณถึงเดือน 5-6 สามารถติดตามรายละเอียดได้จากอินสตาแกรมผม ก็อยากให้มาร่วมบุญกันเยอะๆ เพราะทางวัดยังขาดแคลนอยู่อีกเยอะมาก ถามว่าตอนนี้ผมขาดงบประมาณอีกประมาณเท่าไหร่ ตอนนี้ผมมีอยู่ 200,000 ครับ ขาดอยู่อีกประมาณ 800,000 กว่าบาท อยากให้ช่วยเป็นกระบอกเสียงบอกต่อ เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ดีกว่าทำอย่างอื่น"

การทำบุญนี้ถือว่าเป็นการสะเดาะเคราะห์หรือเปล่า ?
"ถ้าจะสะเดาะเคราะห์ไปเล่งเน่ยยี่ก็ได้ (หัวเราะ) ไม่ต้องครับ เพราะทุกเรื่องสอนให้เรามีประสบการณ์ชีวิตและมีสติไปกับมัน"

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ ของ จบดราม่า! ฌอห์ณ ยันไม่เคยพูด ไม่อยากร่วมงาน เอสเธอร์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook