ตร.มั่นใจเอาผิด “โชกุน” ข้อหาหนัก ตรวจสอบคลิป อาจเข้าข่ายผิด ม.112

ตร.มั่นใจเอาผิด “โชกุน” ข้อหาหนัก ตรวจสอบคลิป อาจเข้าข่ายผิด ม.112

ตร.มั่นใจเอาผิด “โชกุน” ข้อหาหนัก ตรวจสอบคลิป อาจเข้าข่ายผิด ม.112
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตำรวจมั่นใจสามารถยึดทรัพย์สิน นางสาวพสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือ โชกุน ที่ถูกออกหมายจับได้ แต่หากดำเนินการล่าช้าอาจทำให้ทรัพย์สินถูกยักย้ายถ่ายเท ขณะที่การตรวจสอบคลิปเสียงที่เข้าข่ายผิดมาตรา 112 ตอนนี้อยู่ระหว่างเร่งค้นหาโทรศัพท์มือถือของโชกุน เพราะเชื่อว่าอาจมีหลักฐานเชื่อมโยงกัน

วันนี้ (13 เม.ย. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า กังวลเรื่องการยึดทรัพย์สิน นางสาวพสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือ โชกุน มากที่สุด เนื่องจากหากดำเนินการช้า อาจทำให้ทรัพย์สินบางส่วนถูกแปรสภาพไปได้ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า โชกุนมีเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคาร ประมาณ 3 ล้านบาท และมีอสังหาริมทรัพย์อีกจำนวนหนึ่ง

ส่วนแนวทางการสอบสวน แม้โชกุนจะยังให้การปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ตำรวจก็ไม่กังวล เพราะมีหลักฐานและพยานจำนวนมาก ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะควบคุมตัวโชกุนฝากขังที่ศาลอาญารัชดา และจะยื่นคัดค้านประกันตัว สำหรับกรณีคลิปเสียงของโชกุนที่อาจเข้าข่ายความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 112 ตำรวจอยู่ระหว่างการเร่งสืบหาโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์การสื่อสารของโชกุนเพื่อตรวจสอบหาความเชื่อมโยง

นอกจากนี้ นายนิติศักดิ์ มีขวด ซึ่งเป็นทนายความของโชกุนเดินทางมาที่กองบังคับการปราบปรามเพื่อขอพบลูกความ เบื้องต้นระบุว่าจะยื่นคัดค้านการฝากขัง และ ยื่นขอประกันตัว ตามขั้นตอนที่สามารถทำได้ พร้อมอ้างว่า ก่อนจะถูกตำรวจควบคุมตัว โชกุนได้ติดต่อให้เดินทางไปรับตัวที่จังหวัดระนองเพื่อเข้ามอบตัว แต่ถูกตำรวจควบคุมตัวก่อน

โดยการแถลงข่าวของโชกุนเมื่อคืนนี้ เจ้าตัวอ้างว่า ไม่ได้ต้องการหลบหนีและการเดินทางไปที่จังหวัดระนองก็เพื่อรวบรวมเงินมาคืนผู้เสียหายเท่านั้น ทำให้ผู้เสียหายบางส่วนที่เข้าฟังด้วย มีท่าทีไม่พอใจ พร้อมทั้งเรียกร้องขอเงินคืนจากโชกุน

ล่าสุดมีผู้เข้าแจ้งความแล้วประมาณ 1,000 คน จากทุกภูมิภาค แต่ส่วนใหญ่มาจากกรุงเทพและปริมณฑล ตำรวจจึงจัดผู้เสียหายเป็นกลุ่มตามสายที่พวกเขาเคยซื้อทัวร์เพื่อที่จะสอบสวนรวบรวมข้อมูลต่อไป เชื่อว่าหลังสงกรานต์น่าจะมีความคืบหน้าที่ชัดเจนมากขึ้น

เช่นเดียวกับการตรวจสอบคดีค้างเก่าของโชกุนที่ตำรวจสั่งการทุกพื้นที่เร่งตรวจสอบ เบื้องต้น พบว่า พื้นที่สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง มีคดีค้างเก่าของโชกุนเมื่อปี 2559 ในคดีฉ้อโกง ซึ่งก่อเหตุร่วมกับ น.ส.ก้องศรัณย์ แสงประภา หนึ่งในเครือข่ายของโชกุน บุคคลนี้ตำรวจกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อขออนุมัติหมายจับพร้อมอายัดตัวต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook