ประวิตรโต้รบ.ขาลงเมินปรับครม.-ปมนั่งกระบะวิษณุดูอยู่

'พล.อ.ประวิตร' ปัดรัฐบาลอยู่ในช่วงขาลง ยัน ทุกกระทรวงทุ่มเททำงานเต็มที่เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ปรับ ครม.แน่นอน กำชับเข้มงวดดูแลความสงบพื้นทีชายแดนใต้ ยันจำเป็นคง ม.44 เรื่องจราจร 'วิษณุ' ดูรายละเอียดข้อกฏหมายแก้ปมนั่งท้ายกระบะ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงผลโพลล์ ที่ระบุว่าเศรษฐกิจแย่ทำให้คะแนนนิยมรัฐบาลลดลง ว่า รัฐบาลทุ่มเททุกอย่างแล้ว แต่อาจเป็นเรื่องของการช่วยเหลือทางด้านเศรษฐกิจในกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อยไม่ทั่วถึง หรือลงไปล่าช้าแต่ยืนยันเศรษฐกิจไทย ทั้งการส่งออก การค้าขายต่างประเทศ อยู่ในระดับดี ไม่มีปัญหา ซึ่งก็อยากให้ดีกว่านี้ แต่สถานการณ์เศรษฐกิจทั่วไปของโลกตอนนี้ก็ประสบปัญหาเช่นกัน

พร้อมย้ำว่า รัฐบาลไม่ได้อยู่ในช่วงขาลง รัฐมนตรีทุกกระทรวงทุ่มเทในการทำงาน และมีความก้าวหน้า โดยขณะนี้กำลังหาวิธีดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และระบุว่า การปรับคณะรัฐมนตรีไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา 

พล.อ.ประวิตร ยังระบุถึงสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า หน่วยงานด้านความมั่นคง พยายามแก้ปัญหาในพื้นที่มาตลอด 12 ปี และจากการประเมินผลการทำงานของ คปต.ส่วนหน้า ก็แสดงให้เห็นถึงการเดินหน้าสร้างสันติสุข และสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน รวมทั้งนโยบายสามเหลี่ยมเศรษฐกิจมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน

ทั้งนี้ พบข้อมูลกลุ่มก่อความรุนแรงรุ่นใหม่มากขึ้น แต่ยังไม่ชี้ชัดว่าเชื่อมโยงกับการที่มีผู้ก่อความรุนแรงเข้ามอบตัวตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง หรือไม่ เพราะเป็นไปได้หลายปัจจัย เช่น การว่าจ้าง ปัญหาเรื่องรายได้ และการปลุกระดม ขณะเดียวกันยังพบการเคลื่อนไหวก่อความไม่สงบที่รวมตัวอยู่ในอำเภอเดียวในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นอำเภอใด

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังระบุถึงคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในเรื่องมาตรการด้านความปลอดภัยในการใช้รถตามมาตรา 44 ว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดูแลในข้อกฎหมาย ซึ่งจำเป็นต้องคงมาตรการนี้สักระยะหนึ่ง เพื่อติดตามเปรียบเทียบข้อมูลตัวเลขการสูญเสีย และบาดเจ็บจากอุบัติเหตุในท้องถนน ก่อนและหลังการใช้มาตรการนี้ เพื่อหาแนวทางดูแลความปลอดภัยประชาชนและลดการบาดเจ็บสูญเสียจากอุบัติเหตุให้ได้มากที่สุด

พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวว่าสถิติก่อนสงกรานต์ เฉลี่ยมีผู้เสียชีวิตวันละ 70 ราย ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องมีมาตรการ เพื่อลดตัวเลขการสูญเสียดังกล่าว ซึ่งได้อธิบายไปแล้วทั้งความอันตรายของการนั่งท้ายกระบะ ขณะเกิดอุบัติเหตุว่าไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน แต่ก็สามารถนำไปปรับปรุงให้ปลอดภัยได้ โดยขณะนี้นายกรัฐมนตรี ได้อนุโลมให้นั่งท้ายกระบะได้ไม่เกิน 6 คน