เด็กชายเดินเท้า 5 กม. หนีพ่อแท้ๆ หลังถูกตีจนเลือดซิบ

เด็กชายเดินเท้า 5 กม. หนีพ่อแท้ๆ หลังถูกตีจนเลือดซิบ

เด็กชายเดินเท้า 5 กม. หนีพ่อแท้ๆ หลังถูกตีจนเลือดซิบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้สื่อข่ายรายงานว่า (8 พ.ค.) เมื่อเวลา 18.00 น. ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบเด็กชายวัย 11 ขวบ หนีออกจากบ้านมาขอความช่วยเหลือเนื่องจากถูกพ่อแท้ๆ ตีที่ลำตัวหลายแห่งจนได้รับบาดเจ็บเลือดซิบ ที่เกิดเหตุบริเวณปากซอย 1/7 หมู่ที่ 1 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

หลังรับแจ้งจึงรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง หน่วยกู้ภัยคลองสาม ในที่เกิดเหตุพบว่าเด็กชายดังกล่าวถูกนำตัวไปที่ตูยามตำรวจคลองสาม แล้วเพื่อซักถามข้อเท็จจริง จึงเดินทางไปตรวจสอบพบชาวบ้านอยู่ระหว่างมุงดู

และวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก ที่พ่อแท้ๆ ที่ใช้ไม้แขวนเสื้อและไม้ตีที่แผ่นหลัง และแขนซ้ายของด.ช.เอ (นามสมมุติ) นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนแห่งหนึ่งจนมีแผลเขียวช้ำบางจุดมีเลือดซิบออก และเด็กเดินออกจากบ้านระยะทางไกลประมาณ 5 กิโลเมตร

ด.ช.เอ (นามสมมุติ)เปิดเผยว่า ช่วงเย็น พ่อได้กลับจากงานก่อนเวลาปกติ โดยกลับมาบ้านที่ตนเองพักอาศัยอยู่กับครอบครัวบริเวณข้างหมู่บ้านอยู่เจริญคลองสอง ถนนรังสิต-นครนายก ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เมื่อเดินทางเข้ามาในบ้านก็ดุด่าว่าตนเองว่าทำไมบ้านรก ทำไมถึงไม่ยอมทำความสะอาด และยังพบถุงข้าวอยู่ในบ้านไม่ยอมนำไปทิ้ง

ตนเองก็ได้แต่นั่งนิ่งไม่เถียงและกินข้าวที่เพิ่งซื้อมาต่อเพราะตนเองกำลังหิว แต่พ่ออยู่ในอาการโกรธได้ใช้สายไฟฟ้าและไม้ตีตนเองหลายครั้งจนได้แต่ร้องด้วยความเจ็บ จังหวะพ่อเผลอจึงวิ่งออกมาจากบ้านอย่างรวดเร็วเพราะความกลัว จึงเดินจากบ้านตัวเปล่าไม่มีแม้แต่รองเท้าโดยเดินเท้ามาหาเพื่อนเพื่อขอความช่วยเหลือ

กระทั่งเวลา 19.45 น. นางบี (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี มารดาเด็ก ได้เดินทางมาที่ตู้สายตรวจคลองสาม และยืนยันว่าเด็กดังกล่าวเป็นลูกของตนเอง ซึ่งน้องเอ (นามสมมุติ) เป็นเด็กเรียนดีติดอยู่ที่อันดับเลขตัวเดียวมาเกือบตลอด ซึ่งผู้เป็นพ่อนั้นเป็นคนอารมณ์ร้อนและชอบลงโทษลูก หากทำไม่ได้ตามความต้องการ ซึ่งทุกรอบตนเองจะรับรู้

หลังจากนี้ ตนเองจะนำลูกไปฝากไว้กับพี่สาวของตนเองเป็นการชั่วคราว เพราะช่วงนี้สามีมีความเครียดสะสมเกี่ยวกับเรื่องงาน ถึงขั้นต้องเดินทางไปรพ. เพื่อให้แพทย์ตรวจสุขภาพ โดยเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจสอบเอกสารและถ่ายภาพ ก่อนให้ผู้ปกครองรับบุตรกลับไปดูแลตามความสมควรต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook