“ความเร็ว-เบรก” ยังพิสูจน์ ดีเจเชาเชา ประมาทไม่ได้

“ความเร็ว-เบรก” ยังพิสูจน์ ดีเจเชาเชา ประมาทไม่ได้

“ความเร็ว-เบรก” ยังพิสูจน์ ดีเจเชาเชา ประมาทไม่ได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม้ภาพวงจรปิดจะชัดเจนว่า ดีเจเชาเชา ขับรถชนจักรยานยนต์ที่ขี่ “ตัดหน้า” แต่กลับถูกตั้งข้อกล่าวหาขับรถโดยประมาท หากไม่ประมาท ต้องหยุดรถได้ทัน วิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านจราจรให้ความเห็นว่า ความเร็วและการเบรก ไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าประมาทหรือไม่ประมาท

ภาพวงจรปิดขณะรถยนต์ของดีเจเชาเชา ชนรถจักรยานยนต์ ที่ถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม หลังตำรวจตั้งข้อกล่าวหา “ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” กับ ดีเจเชาเชา เพียง 1 วัน นี่เป็นหลักฐานสำคัญ ที่จะบอกได้ว่า เขาขับรถโดยประมาทหรือไม่ จากภาพจะเห็นว่า รถจักรยานยนต์จอดนิ่งในเลนซ้าย ก่อนขับออกมาและถูกชน ในเวลาประมาณ 2 วินาที คือตั้งแต่ วินาทีที่ 23 ถึง 25

ผศ.ทวีศักดิ์ แตะกระโทก วิศวกรผู้เชี่ยวชาญ ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน นำข้อมูลนี้ วิเคราะห์ตามทฤษฎีระยะเวลาในการตัดสินใจ ที่ระบุว่า ระยะเวลาการตัดสินใจ จะอยู่ที่ 1.5 ถึง 2.5 วินาที และจะเพิ่มขึ้น เมื่อมีปัจจัยที่ต้องพิจารณาเพิ่ม เช่น รถที่อยู่ข้างหน้าขยับหรือไม่ ขยับไปทางไหน เวลาจึงนานกว่า 2.5 วินาที เมื่อการตัดหน้าอยู่ในช่วง 2 วินาที ทำให้ไม่สามารถเบรกได้ทัน

ในทางกฎหมาย “ความเร็ว” จะถูกนำไปใช้ข้อพิจารณาว่าผู้ขับขี่ประมาทหรือไม่ แต่ใช้ไม่ได้กับกรณีถูกตัดหน้าอย่างกระชั้นชิด เพราะความเร็วเป็นเพียงตัวชี้วัดความรุนแรงของการชน แต่ไม่ใช่ตัวชี้ขาดว่า “จะชน” หรือ “ไม่ชน” ส่วนรอยเบรกที่ปรากฏ ก็เป็นรอยที่อาจเกิดหลังการชน การพิสูจน์ความประมาทจากรอยเบรก จึงไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง

ผู้เชี่ยวชาญ ยังระบุว่า หลายคดีที่ถูกตั้งข้อหาขับรถโดยประมาทและสามารถนำทฤษฎีระยะเวลาการตัดสินใจไปตรวจสอบ จากหลักฐานภาพกล้องวงจรปิดได้ เพราะเป็นทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก แต่กลับไม่เคยถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์อุบัติเหตุในประเทศไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook