"แม่เปรี้ยว" ขอโทษแทนลูกสาว พร้อมเดินทางไปเมียนมา

"แม่เปรี้ยว" ขอโทษแทนลูกสาว พร้อมเดินทางไปเมียนมา

"แม่เปรี้ยว" ขอโทษแทนลูกสาว พร้อมเดินทางไปเมียนมา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"แม่เปรี้ยว" ขอโทษสังคมแทนลูก อยากให้กลับใจมารับโทษ พร้อมขอเดินทางไปรับลูกสาวด้วยตัวเอง หากเข้ามอบตัว  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ บ.ห้วยบาก ม.6 ต.คำม่วง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น เพื่อพบกับ นางสาคร อายุ 62 ปี มารดาของ น.ส.ปรียานุช หรือ "เปรี้ยว" ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาล จ.ขอนแก่น  หลังร่วมกันก่อเหตุฆ่าหั่นศพ น.ส.วริศรา หรือ น้องแอ๋ม โดย นางสาคร กล่าวว่า ถึงวันนี้แล้ว อยากไปรับลูกสาวกลับบ้าน เพราะกลัวว่าลูกจะไม่ปลอดภัย อยากให้ลูกกลับบ้าน กลับมามอบตัว ติดคุกยังมีวันได้ออก ยังได้เจอหน้ากัน ถ้าเป็นไปได้อยากเดินทางไปเมียนมา ไปตามหาลูก พาลูกกลับบ้าน

นางสาคร กล่าวต่ออีกว่า สำหรับ บ้านที่กำลังก่อสร้างเป็นบ้านปูนชั้นเดียว น้องเปรี้ยวจ้างช่างมาสร้างบ้านหลังนี้ทั้งหมด 2 ชุด ชุดแรก จ้างงาน 60,000 บาท แต่จ่ายเงินไม่ตรงเวลา จึงไม่ทำต่อ จากนั้นก็จ้างช่างชุดที่ 2 ตกลงราคากันที่ 50,000 บาท ซึ่งก่อนเกิดเรื่องกำลังลงมือก่อสร้างคืบหน้าไปกว่า 80% พอมาเกิดเรื่อง ช่างจึงหยุดทำงาน ส่วนราคาในการสร้างบ้านหลังนี้น้องเปรี้ยวเป็นคนควบคุมทั้งหมด

นางสาคร กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ยอมรับว่า น้องเปรี้ยวเคยถูกจับกุมในข้อหาเสพยาเสพติด เมื่ออายุ 16 ปี ถูกคุมขัง 7 วัน จึงได้ไปประกันตัวออกมา จากนั้นลูกสาวก็ออกมาทำงานช่วยแม่ และแต่งงานมีครอบครัวมีลูกชาย 1 คน น้องเปรี้ยว ก็เลิกกับสามี จากนั้นน้องเปรี้ยวก็ออกจากบ้านไปหางานทำในเมืองขอนแก่น  โดยบอกเพียงว่าทำงานเป็นนักร้องที่ร้านคาราโอเกะ นานๆจะกลับบ้าน และมาทราบข่าวอีกครั้งว่าแต่งงานกับลูกชายเจ้าของร้านอาหารในเมืองขอนแก่น ซึ่งนานๆ จะกลับบ้านที กลับบ้านแต่ละครั้งจะให้เงินแม่ 200-500 บาท

"ตอนน้องเปรี้ยว อายุ 5 ขวบ พ่อกับแม่ทะเลาะกันประจำ ตบตีทำร้ายร่างกายกัน ถึงขั้นเลือดสาดต่อหน้าลูก ทุกครั้งที่แม่ถูกพ่อทำร้ายร่างกาย น้องเปรี้ยวจะเข้ามาช่วย แต่ช่วยไม่ได้ น้องเปรี้ยวจะตะโกนเสียงดังและร้องไห้หนักมาก อาจเป็นเพราะเหตุนี้ ที่ทำให้น้องเปรี้ยวเป็นคนเก็บกดและมีพฤติกรรมรุนแรง แม่อยากขอโทษลูก ขอโทษสังคม กับเรื่องที่เกิดขึ้น วันนี้ขอให้เปรี้ยวกลับตัว กลับใจ เข้ามอบตัว อยู่ในคุกยังมีความปลอดภัย"  

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook