วัดวังตะวันตก ขายรังนกได้เดือนละ 3.5 แสน เณรปลื้มลั่นยอมตาย ไม่ได้ขโมยของ

วัดวังตะวันตก ขายรังนกได้เดือนละ 3.5 แสน เณรปลื้มลั่นยอมตาย ไม่ได้ขโมยของ

วัดวังตะวันตก ขายรังนกได้เดือนละ 3.5 แสน เณรปลื้มลั่นยอมตาย ไม่ได้ขโมยของ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านอีกหลังของ 'เจ๊บิว' ผู้ต้องหาฆ่าสามเณรปลื้ม พบหลักฐานเพียงเล็กน้อย เป็นสมุดบัญชีธนาคารของลูก และใบอนุโมทนา เจ้าหน้าที่อายัดสอบ ด้านเจ้าหน้าที่ได้เปิดรายได้ขายรังนกได้เดือนละ 3.5 แสน

เมื่อวานนี้ (8 มิ.ย. 60) พ.ต.ต.วันชัย สุวรรณรัตน์ สว.สส.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ไปตรวจค้นบ้านเลขที่ 24 ซ.องครักษ์ 2 หลังตลาดท่าม้า ต.ในเมือง อ.เมืองนครศรีธรรมราช เป็นบ้านไม้ชั้นเดียวสภาพเก่า ของ น.ส.ปิยฉัตร อรุณสกุล หรือ เจ๊บิว โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาตรวจค้นอยู่นานประมาณ 1 ชม. พบหลักฐานเพียงเล็กน้อย เป็นสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารของลูก น.ส.ปิยฉัตร จำนวน 2 เล่ม แต่ยอดเงินมีไม่มากนัก และใบอนุโมทนาบัตรจำนวนหลายสิบแผ่น ลงชื่อพระเด่นชัย ภูมินิยม เป็นผู้รับเงิน จึงตรวจอายัดไว้ตรวจสอบ

ขณะที่ภายในวัดวังตะวันตก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช สามเณรจากวัดสระเรียง กว่า 20 รูป เร่งพัฒนาปรับปรุงพื้นที่บริเวณลานวัดวังตะวันตก ด้านหน้าหอไตรอินทสุวรรณ จุดบริเวณที่มีการนำศพสามเณรปลื้มมาฝังไว้ โดยการนำทรายถมมาปกปิดร่องรอยพื้นผิวเดิม ให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสวยงามมากขึ้น 

ต่อมาช่วงสายวานนี้ พระครูพรหมเขตคณารักษ์ รักษาการเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันขึ้นไปตรวจสอบบนชั้น 2 ของกุฏิเจ้าอาวาส เนื่องจากมีพระพุทธรูปและวัตถุโบราณของวัดจำนวนมากเก็บไว้จำนวนมาก รวมทั้งชั้น 2 มีรังนกนางแอ่นจำนวนมากอีกด้วย เพื่อทำการตรวจสอบว่าทรัพย์สินมีค่าดังกล่าวของวัดยังอยู่ครบหรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อช่างกุญแจมาทำการตัดกุญแจบริเวณบันไดชั้นล่าง ก่อนขึ้นไปสำรวจพร้อมกัน โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนขึ้นตามไปทำข่าว ใช้เวลาในการสำรวจอยู่นานประมาณ 30 นาที ก่อนที่คณะจะเดินกลับลงมา

นอกจากนี้ ได้มีการเปิดเผยรายได้ของวัด ประกอบด้วย รายได้จากค่าที่จอดรถ ค่าจอดคันละ 30 บาท โดยไม่มีใบเสร็จ จะมีรถหมุนเวียนเข้า – ออก ตลอดทั้งวัน ถ้าจอดเต็มได้ประมาณ 40-50 คัน โดยยังไม่นับการหมุนเวียนเข้าออก ค่าเช่าจากแผงเช่าพระ รวมแล้วประมาณ 150,000 บาทต่อเดือน ยังไม่รวมค่าแรกเข้า ที่จะมาเช่าแผง มีค่าเข้าแผงใหญ่ 6 หมื่นบาท แผงเล็ก 3 หมื่นบาท ค่าเช่าทั้งหมดไม่มีใบเสร็จรับเงิน

รายได้อีกอย่าง คือ การขายรังนกนางแอ่น บนชั้นลอยใต้หลังคากุฏิ ขายได้ราวเดือนละ 350,000 บาท และรายได้ส่วนที่ 3 มาจากค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์รอบๆ วัด เป็นอาคารพาณิชย์ที่เช่าที่จากวัด มี 84 คูหา แบ่งเป็นด้านหน้าติดถนน 49 คูหา ค่าเช่าเดือนละ 1 พันบาท และด้านหลัง 35 คูหา ค่าเช่าเดือนละ 500 บาท รวมต่อเดือน 66,500 บาท ยังไม่รวมค่าแป๊ะเจี๊ยะรายปี ที่ผู้เช่าบริจาคให้วัดอีกรายละ 5 หมื่น ถึง 1 แสนบาท ต่อปี รายได้ตรงนี้ ผู้เช่าจะจ่ายด้วยการโอนเข้าบัญชีธนาคารโดยตรง และไม่มีใบเสร็จแต่อย่างใด

ด้านพระครูสุนทร จิตตารักษ์ เจ้าอาวาสวัดวังไทร เผยว่า เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา นายศุภโชค เอกเกียรติคุณ หรือสามเณรปลื้ม ได้บวชเรียนสามเณรที่วัด หลังจบชั้น ป.6 และอาศัยอยู่ชั้นล่างของกุฏิเจ้าอาวาส โดยสามเณรปลื้มเป็นสามเณรที่มีนิสัยดีรูปหนึ่ง เป็นที่รักของพระและชาวบ้านที่มาทำบุญ ประกอบกิจของสงฆ์ตามคำสอนของพระพุทธศาสนามาโดยตลอด จากนั้นสามเณรปลื้มได้ขอลาสิขาบทเพื่อไปเรียนรำมโนราห์ ก่อนที่จะกลับมาบวชเรียนเป็นสามเณรอีกครั้ง จนกระทั่งวันที่ 31 ธ.ค. 59 ที่ผ่านมา โยมสีกาบิว ได้โทรศัพท์มาหาอาตมา ช่วงหัวค่ำและบอกอาตมาว่า สามเณรปลื้มได้ขโมยเงิน 50,000 บาท โทรศัพท์ไอโฟน สร้อยทองคำ จากนั้นโยมสีกาบิว ให้สามเณรปลื้ม คุยโทรศัพท์กับอาตมา ตอนนั้นสามเณรปลื้มกล่าวยืนยันกับอาตมาว่าไม่ได้ขโมยเงิน ไอโฟน สร้อยคอทองคำของโยมสีกาบิว

"เณรยืนยันด้วยชีวิต ว่าไม่ได้ขโมยเงินของโยมสีกาบิว เณรยอมตาย พ่อท่านช่วยกัน" นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่สามเณรทอง พูดกับอาตมา

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook