เปิดใจ นศ.สาวข้ามเพศ โดนรุ่นพี่รับน้องถกเสื้อจะเปิดหน้าอก

เปิดใจ นศ.สาวข้ามเพศ โดนรุ่นพี่รับน้องถกเสื้อจะเปิดหน้าอก

เปิดใจ นศ.สาวข้ามเพศ โดนรุ่นพี่รับน้องถกเสื้อจะเปิดหน้าอก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เปิดใจนักศึกษาสาวประเภทสอง เพิ่งเข้าเรียนปี 1 โดนกิจกรรมรับน้อง รุ่นพี่ปิดตา-ถกเสื้อขึ้นเปิดหน้าอก ทางมหาวิทยาลัยเตรียมตั้งกรรมการสอบรุ่นพี่แล้ว

(3 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี แฟนเพจเฟซบุ๊กชื่อดัง ได้แชร์ข้อความจากผู้ใช้เฟซบุ๊ครายหนึ่ง ซึ่งโพสต์ข้อความระบายอารมณ์ หลังทราบว่า น้องสาวประเภทสองที่สนิทกัน ถูกรับน้องและถูกกระทำไม่เหมาะสม

โดยที่แฟนเพจเฟซบุ๊กได้พาดหัวข้อข่าวเกี่ยวกับการรับน้อง พร้อมใส่ชื่อสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง โดยหลังการเผยแพร่ข้อความดังกล่าว ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันไปอย่างกว้างขวาง โดยเหตุการณ์ดังกล่าว มีเนื้อหาใจความสรุปได้ว่า กิจกรรมรับน้องนักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยชื่อดังในพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นักศึกษาสาวประเภทสองถูกรุ่นพี่สั่งให้ถอดเสื้อ ถือเป็นการรับน้องด้วยวิธีการที่ไม่เหมาะสม

รุ่นพี่สั่งให้น้องถอดเสื้อตัวแรกออกและถกเสื้อซับในที่มีลักษณะคล้ายเสื้อกล้ามขึ้นไปเกือบถึงหน้าอก ทำให้น้องเกิดความอับอาย ร้องไห้ แต่รุ่นพี่ได้ยืนขำกับเหตุการณ์ ทั้งนี้ยังได้บอกด้วยว่า น้องที่ถูกกระทำ กินยาคุมทำให้มีหน้าอก แม้ร่างกายยังเป็นชายแต่ใจเป็นหญิง แต่การสั่งให้ถอดเสื้อถือเป็นการละเมิดทางเพศเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังเจ้าของโพสต์ดังกล่าว ก่อนจะได้รับการเปิดเผยข้อมูลจาก น้องเอมม่า นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ซึ่งเป็นนักศึกษาที่ถูกกระทำจากเหตุการณ์รับน้องตามที่ปรากฎเป็นข่าว น้องเอมม่า เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันรับน้องวันสุดท้ายของสาขาที่น้องเอมม่าเรียน หลังมีการรับน้องต่อเนื่องมารวม 9 วัน

ในวันดังกล่าว นักศึกษา 2 ห้องรวม 69 คน ต้องมาทำกิจกรรมรับน้องที่หน้าตึกสาขาที่เรียน การรับน้องดำเนินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงช่วงเย็น โดยน้องถูกสั่งให้ลุกนั่งและทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย พร้อมกับมีการสั่งด้วยน้ำเสียงดัง หรือ การกว๊ากน้อง

น้องเอมม่า เล่าว่า ในวันที่เกิดเหตุได้สวมเสื้อซับในที่มีลักษณะคล้ายเสื้อกล้ามอยู่ด้านใน แล้วสวมทับด้วยเสื้อยืดสาขา สีขาว โดยรุ่นพี่ที่ไม่ใช่รุ่นพี่ปี 2 ได้สั่งให้ถอดเสื้อออก โดยในกลุ่มมีเพื่อนที่เป็นสาวประเภทสองอีกคน ที่เหลือเป็นเพื่อนผู้ชายทั้งหมด

ตอนแรกตนอึดอึดใจที่จะถอด แต่ถูกบังคับและกดดันจากคำสั่งอยู่หลายครั้ง ทำให้จำใจถอดเสื้อยืดสาขาออกแล้วจึงเอามือมาปิดหน้าอกด้วยความอับอาย จากนั้นรุ่นพี่ได้นำผ้ามาปิดตา ทำให้ไม่เห็นว่ามีใครอยู่ในเหตุการณ์บ้าง ก่อนถูกสั่งให้ก้มหน้าลง น้องเอมม่าจึงเอามือปิดที่หน้าอกตลอดเวลา

จนกระทั่งมีคนกระชากตัวของน้องเอมม่าออกมาจากแถว ซึ่งเป็นช่วงที่เพื่อนทุกคนจะต้องเดินเข้าห้องแดงเพื่อพบพี่สายรหัสและผูกข้อมือซึ่งมีรุ่นพี่ปี 2 รออยู่ด้านในห้องแดง ทำให้ขณะนั้นตนรู้ว่าตัวเองถูกแยกเดี่ยวมาอยู่คนเดียว โดยมีรุ่นพี่ที่ไม่รู้ว่าเป็นรุ่นไหนกำลังรุมล้อมอยู่

ต่อมารุ่นพี่ได้สั่งให้น้องเอมม่าเอามือออกจากหน้าอกอีกครั้ง แต่น้องยืนยันว่าไม่เอามือออก เพราะอายและตัวเองก็มีหน้าอกไม่ต่างกับผู้หญิง ทำให้มีรุ่นพี่คนหนึ่งเข้ามาถกเสื้อกล้ามขึ้น จนเกือบเปิดเห็นหน้าอก ในขณะนั้นน้องเอมม่ารู้สึกว่าไม่ไหวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงร้องไห้และย่อตัวลงไปนั่งกับพื้น

น้องเอมม่า บอกว่า ตอนที่นั่งร้องไห้อยู่ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะของรุ่นพี่ ก่อนที่คนจะเริ่มหายไป และมีพี่นำเสื้อสาขามาสวมให้ ก่อนจะถูกนำตัวเข้าไปในห้องแดงเพื่อผูกข้อมือต่อ และมารู้ตัวเอาภายหลังว่าเสื้อกล้ามที่ใส่ขาดที่บริเวณตะเข็บด้านข้างด้วย ตนไม่ทราบว่าขาดได้อย่างไรและขาดช่วงไหนของการรับน้อง

จากนั้นเหตุการณ์ได้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกิจกรรมเลิก น้องเอมม่ายอมรับว่า รับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สภาพจิตใจย่ำแย่ แต่ก็ไม่ได้บอกใครหรือโพสต์ลงสื่อออนไลน์ แต่ปรากฎว่ามีการสอบถามกันเข้ามามาก กระทั่งพี่สาวคนสนิทที่นับถือกันเพราะเคยทำงานร่วมกันมาก่อน ทราบข่าวจึงได้โทรศัพท์มาสอบถาม

น้องเอมม่า ยังเล่าต่อว่า จนถึงขณะนี้รุ่นพี่ที่กระทำดังกล่าว ยังไม่เคยติดต่อมาขอโทษ หรือแสดงความรับผิดชอบใดๆ เลย มีเพียงอาจารย์ที่ทราบเรื่องได้กล่าวขอโทษแทนรุ่นพี่ ซึ่งตนทราบดีว่าการแชร์ข้อมูลทางสื่อออนไลน์ คนที่ไม่ทราบเรื่องอาจจะเข้าใจผิดและทำให้ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเสียหายได้ เพราะสิ่งที่แชร์ออกไป ทำให้คิดกันไปเองว่าเป็นความผิดของมหาวิทยาลัย ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ใช่

"ตนขอวิงวอนว่า หากบุคคลใดจะโพสต์ข้อความในเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนนั้น อย่านำเพื่อนร่วมรุ่นสาขาที่ตนเรียน หรือ รุ่นพี่ปี 2 รวมทั้งอาจารย์และมหาวิทยาลัย เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะท่านเหล่านี้ไม่ผิดอะไรเลย ตนพร้อมปกป้องทุกคนเพราะทุกคนรักตนเหมือนครอบครัว คนผิดคือรุ่นพี่กลุ่มเดียวเท่านั้น ซึ่งย้ำว่าไม่ใช่รุ่นพี่ปี 2" น้องเอมม่ากล่าว

"ขณะนี้ยอมรับว่าสภาพจิตใจเริ่มดีขึ้นแล้ว แม้จะยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ได้กำลังใจที่ดีจากเพื่อน รุ่นพี่ปี 2 และอาจารย์ ช่วงแรกที่ยอมรับคิดจะย้ายสาขาย้ายคณะไปเรียนที่อื่น แต่ตอนนี้ไม่คิดเปลี่ยนแล้ว ในเมื่อตนไม่ผิด ไม่ได้เป็นคนก่อเรื่อง ตนก็ไม่อายที่จะเรียนต่อ และไม่อายที่จะเล่าความจริงให้ทุกคนรู้เรื่องนี้” น้องเอมม่า กล่าวเสริม

ขณะที่พี่สาวคนสนิทของน้องเอมม่า เล่าว่า หลักจากทราบข้อมูลอย่างละเอียด ก็รู้สึกสงสารน้องมาก ทำให้ไปโพสต์ระบายอารมณ์ลงเฟซบุ๊ก และถูกแชร์ต่อไปเป็นวงกว้าง ทั้งเห็นใจและตำหนิที่กล่าวอ้างถึงมหาวิทยาลัย จนกระทั่งถูกบล็อกจากเฟซบุ๊กไปหลายวัน

เหตุการณ์นี้ทำให้ตนรู้สึกโกรธแทนน้องมาก จึงขอเข้าพบอธิการบดีของมหาวิทยาลัยที่น้องเอมม่าเรียนอยู่ เพื่อเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง ซึ่งท่านอธิการบดีก็ยินดีรับฟัง บอกประโยคแรกมาว่า ชื่อเสียงมหาวิทยาลัยที่เสียไปไม่เป็นไร เวลาผ่านไปก็ดีขึ้นเอง ตอนนี้สิ่งสำคัญคือการเยียวยาจิตใจของน้อง ทำให้ตนรู้สึกสบายใจอย่างมากที่ทางมหาวิทยาลัยเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ทอดทิ้งน้อง และพร้อมดูแลอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้น้องเอมม่า ยังไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีกับรุ่นพี่กลุ่มดังกล่าว โดยจะยังรอเวลาและรอดูเหตุการณ์ไปก่อน หากได้รับการติดต่อเพื่อขอโทษ ตนก็พร้อมยกโทษให้ เพื่อให้เรื่องยุติลงด้วยดีและไม่เสื่อมเสียต่อมหาวิทยาลัย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook