เกาะเต่า..สวรรค์ของนักท่องเที่ยวจริงหรือ?

เกาะเต่า..สวรรค์ของนักท่องเที่ยวจริงหรือ?

เกาะเต่า..สวรรค์ของนักท่องเที่ยวจริงหรือ?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ความวัวไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก เรียกได้ว่าชื่อเสียงของเกาะเต่าสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของเหล่าสาวกที่ชอบชีวิตสโลไลฟ ถูกตั้งคำถามถึงความปลอดภัยขึ้นมาอีกครั้ง

หลังเกิดเหตุการณ์สาวเบลเยี่ยมผูกคอตาย ทำให้สื่อต่างประเทศตีพิมพ์และนำเสนอข่าวที่อาจบิดเบือนความจริง โดยได้ขนานนามเกาะเต่าว่าเป็น “เกาะฆาตกรรม” สร้างความรู้สึกไม่ปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาเที่ยวเมืองไทย และมาสัมผัสบรรยากาศแบบสงบเงียบที่เกาะแห่งนี้

หากย้อนอดีตกลับไปดูเหตุการณ์การเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 7 รายด้วยกันที่เสียชีวิตบนเกาะแห่งนี้กลายเป็นคดีปริศนาที่เกิดขึ้นและยากต่อการหาคำตอบ

2fw

คดีแรกเกิดขึ้นเมื่อวันขึ้นปีใหม่ปี 2014  นิค แพร์สัน อายุ 25 ชาวอังกฤษ ถูกพบเป็นศพลอยอยู่ในอ่าวไม่พบรอยกระดูกร้าวหรือหัก แต่บริเวณศีรษะพบร่องรอยการถูกทำร้าย ซึ่งสันนิษฐานว่าตกจากที่สูง 50 ฟุตและจมน้ำเสียชีวิต ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตเชื่อว่าถูกฆาตกรรม

กันยายน 2014 ในปีเดียวกันเกาะเต่ากลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เมื่อ น.ส.ฮันนาห์ วิทเธอริดจ์ วัย 23 ปี ชาวอังกฤษ ถูกฆ่าข่มขืนอย่างโหดเหี้ยม และ นายเดวิด มิลเลอร์ วัย 24 ปี เห็นเหตุการณ์จึงเข้าไปช่วยเหลือจนถูกฆ่าปิดปากเสียชีวิตภายในที่เกิดเหตุเป็นรายที่สอง

วันปีใหม่ 2015 ดิมิทรี พอฟว์ วัย 29 ปี ชาวฝรั่งเศส ถูกพบเป็นศพแขวนคอผูกติดกับคาน ตำรวจสันนิษฐานว่าฆ่าตัวตาย แต่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมข้อมือทั้งสองข้างถูกมัดไพร่หลัง

มกราคม 2015 คริสตินา แอนเนสลีย์ วัย 23 ปี ชาวอังกฤษ เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว ไม่พบร่องรอยถูกทำร้าย ไม่มีรอยรื้อค้น ไม่มีทรัพย์สินสูญหาย

มกราคม 2016 ลุค มิลเลอร์ วัย 26 ปี ถูกพบเป็นศพอยู่ใต้สระว่ายน้ำมีบาดแผลตรงศีรษะ และรอยพกช้ำตามหน้า

กุมภาพันธ์ 2017 วาเลนตินา โนวาชฮาโยโนวา วัย 23 ปี ชาวรัสเซีย สูญหายอย่างไร้ร่องรอย แต่ของมีค่ายังคงอยู่ในที่พัก สันนิษฐานว่าอาจจมน้ำเสียชีวิตเพราะเธอชอบดำน้ำ แต่จนป่านนี้ยังไม่พบศพ

เมษายน 2017 เอลิช ดันลอมาเน วัย 30 ปี ชาวเบลเยี่ยม พบศพแขวนคออยู่บนต้นไม้ ตำรวจสันนิษฐานว่าฆ่าตัวตาย แต่ครอบครัวเชื่อว่าถูกฆ่าอำพรางคดี

2fr34

ซึ่งทั้ง 7 คดีที่เกิดขึ้นสื่อต่างประเทศต่างนำเสนอข่าวในแง่ลบและออกโรงเตือนประชาชนของตัวเองไม่ให้มาเที่ยวยังเกาะเต่า อีกทั้งยังขนานนามว่าเป็นเกาะฆาตกรรมอีกด้วย ทำให้ความเชื่อมั่นของชาวต่างชาติลดลงและมีผลต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยว

ทาง Sanook! News จึงค้นหาความจริงที่เกิดขึ้นว่าเกาะเต่ามีความปลอดภัยน้อยลงตามรายงานสื่อต่างประเทศจริงๆ หรือไม่.?

ซึ่งเรื่องนี้ทางคุณรัตติยา สุขประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงาน ททท.เกาะสมุย ได้เปิดเผยว่า ทางเรามีกองงานประชาสัมพันธ์จากส่วนกลางที่ดูแลเรื่องภาพลักษณ์การท่องเที่ยวโดยตรงอยู่แล้ว ซึ่งข่าวที่เกิดนั้นสื่ออาจนำเสนอแต่ด้านลบมากเกินไป

2r4

เพราะจากการลงพื้นที่สำรวจพบว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่พอใจที่จะมาดำน้ำที่เกาะเต่าเนื่องจากมีธรรมชาติที่สวยงามมีความสงบและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ติดอันดับ 1 ในเอเชียทางด้านกิจกรรมการดำน้ำ จึงมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเรียนดำน้ำที่เกาะเต่าจำนวนมาก

โดยในแต่ล่ะปีมีนักท่องเที่ยวมาเยือนเกาะเต่ากว่าแสนคนซึ่งทุกคนล้วนมีความสุขเป็นภาพน่าประทับใจ แต่พอเกิดเหตุการณ์ไม่ดีเพียงแค่คนเดียวสื่อกลับนำเสนอภาพเพียงด้านเดียวไม่ได้มองถึงภาพรวมภาพความสุขของคนกว่าแสนคนที่เยือนที่นี่ แล้วนำไปตีความว่าเกาะเต่าเป็นสถานที่อันตรายนั้นดูไม่ยุติธรรมสักเท่าไหร่สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงามสงบเงียบแห่งนี้

ส่วนปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่นั้นส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมี ถึงมีก็เป็นส่วนน้อยมาก เพราะเกาะเต่าเป็นเกาะที่สงบ ถ้าหากเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นก็จะรับรู้กันได้ทั่วเกาะและที่สำคัญคนที่อยู่บนเกาะส่วนมากจะเป็นคนในพื้นที่ จึงไม่มีใครอยากที่ทุบหม้อข้าวตัวเองเพื่อสร้างภาพลบให้กับเกาะเต่าแน่นอน

24f3d

ฉะนั้นจึงอยากให้ทุกคนมองภาพลักษณ์ของเกาะเต่าให้เป็นบวกมากขึ้น ซึ่งเสน่ห์ของเกาะแห่งนี้คือกิจกรรมดำน้ำ ความสงบของเกาะ เหมาะสำหรับคนที่ชอบใช้ชีวิตแบบสโลไลฟ์ รักธรรมชาติ หรือคู่รักที่จะมาฮันนิมูลก็สามารถมาเที่ยวเกาะเต่าได้เพราะเงียบสงบบรรยากาศสบายๆ

หรือจะไปเที่ยวต่อที่เกาะนางยวนได้ซึ่งที่นั่นมีหาดทรายสีขาวละเอียดสวยงามเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ทาง ททท.เกาะสมุย ยังได้ส่งเสริมกิจกรรมให้เกาะเต่าเป็นสถานที่ปลอดขยะ เพื่อลดปัญหาการก่อขยะอีกด้วย รองผู้อำนวยการสำนักงาน ททท.เกาะสมุย กล่าวทิ้งท้าย

2bg

เกาะเต่าจะเป็นนรกหรือสวรรค์ของนักท่องเที่ยวคงต้องขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพราะปัญหาอาชญากรรมส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากคนทั้งนั้น หากทุกคนช่วยกันดูแลสอดส่องความปลอดภัยทั้งตนเองและผู้อื่น

สถานที่ท่องเที่ยวทุกแห่งก็จะกลายเป็นสรรค์สำหรับนักท่องเที่ยวได้ทุกที่ทุกเวลาและที่สำคัญเหรียญมีสองด้านอยู่ที่ว่าจะเลือกมองด้านไหนระหว่างด้านบวกและด้านลบ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook