จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ "หลอกโอนเงิน"

จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ "หลอกโอนเงิน"

จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ "หลอกโอนเงิน"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"แก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ" ยังก่อเหตุในประเทศไทยต่อเนื่องหลายรูปแบบ ล่าสุดตำรวจจับคนร้าย 44 คน ตั้งห้องปฏิบัติการคอลเซ็นเตอร์ ใช้วิธีโทรศัพท์หาเหยื่อ อ้างตัวเป็นหน่วยงานรัฐ หลอกให้ผู้หลงเชื่อโอนเงินรวมหลายร้อยล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจยึดพบโทรศัพท์มือถือกว่า 40 เครื่อง เป็นอุปกรณ์ที่แก๊งอาชญากรรมข้ามชาติชาวจีน ใช้เป็นเครื่องมือในการหลอกหลวงเหยื่อให้หลงเชื่อว่า เสียงปลายสายที่ได้รับเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารและเจ้าหน้าที่ของรัฐตัวจริง ต้องการตรวจสอบบัญชีการเงิน สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้เข้าตรวจค้นในห้องปฏิบัติการคอลเซ็นเตอร์ 4 จุด ใน กทม. พัทยา และจ.สมุทรปราการ ยึดของกลาง จับผู้ต้องหาชาวจีนได้ 44 คน

ทั้งนี้ วิธีการที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ชักจูงให้เหยื่อโอนเงินสำเร็จ ถูกวางแผนอย่างเป็นระบบ ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารโทรหาเหยื่อ โดยเลือกเป้าหมายเป็นผู้สูงอายุ อยู่บ้านคนเดียว เป็นข้าราชเกษียนอายุ แจ้งว่าพบเงินในบัญชีพัวพันอาชญกรรมร้ายแรงผิดกฎหมายกำลังจะถูกอายัดเงิน และให้เบอร์ติดต่อไปยังบุคคลที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ปปง., ปปส. และตำรวจ ให้ช่วยจัดการเรื่องนี้ จนสุดท้ายหลอกให้โอนเงินไปในบัญชีที่ปลอดภัย แต่ความจริงคือบัญชีของคนร้าย

พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ระบุว่า คนร้ายใช้วิธีการทำสคริปต์คำพูดที่แตกต่างกัน เพื่อโน้มน้าวใจเหยื่อให้หลงเชื่อ ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตัวจริง คาดว่า มีคนไทยเกี่ยวข้องในการหาที่อยู่และเปิดบัญชี มีเหยื่อตกเป็นผู้เสียหายกว่า 1000 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท

ขณะที่ตั้งของห้องปฏิบัติการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พบว่าคนร้ายจะใช้วิธีโทรศัพท์ข้ามประเทศผ่านระบบ VOLP หรือ voice over internet protocol ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เช่น หลอกเหยื่อชาวจีน จะตั้งห้องปฏิบัติการอยู่ที่ไทย หรือ หลอกคนไทยจะตั้งห้องปฏิบัติการอยู่ที่จีนสลับกัน ให้ยากต่อการตรวจสอบจับกุม

"คนร้ายใช้วิธีเข้าประเทศรูปแบบนักท่องเที่ยว 90 วัน มีการโยงใยหลายประเทศซับซ้อน ยากต่อการกวาดล้าง จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือหลายประเทศ ซึ่งการตั้งข้อหาจะต้องดูตามพฤติกรรม เบื้องต้นได้เพิกถอนวีซ่าของขบวนการดังกล่าวแล้ว และเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาที่ก่อเหตุในประเทศไทย ก่อนส่งตัวไปดำเนินคดีที่ประเทศต้นทางต่อไป" พล.ต.ท.ณัฐธร กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook