สุเมธทิ้งทวนเปิดใจกกต.ชุดนี้ของปลอมไม่ขอโต้เถียงคลอดจากคมช.ไม่ได้ถูกตั้งมาตาม รธน.แต่กม.ให้ทำได้
นายสุเมธ กล่าวว่า ขณะนี้ยังอาจมีปัญหาข้อกฎหมายว่า เมื่อตนพ้นจากตำแหน่งแล้ว ใครจะเป็นผู้ทำหน้าที่สรรหา เพราะตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 231 ระบุถึงการสรรหา กกต. ว่ามี 2 ส่วนคือ มาจากส่วนของคณะกรรมการสรรหาจำนวน 3 คน และ ส่วนของ ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจำนวน 2 คน แล้วจึงเสนอให้วุฒิสภารับรอง แต่ทั้งนี้ เมื่อครั้งที่มีการแต่งตั้งให้ตนเป็นกกต.ในขณะนั้นเป็นช่วงที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ออกประกาศ คปค.แต่งตั้งเมื่อปี 2549ให้กกต.ชุดนี้เข้ามาทำหน้าที่ ทำให้ไม่สามารถระบุได้ว่าตนจะมาจากส่วนใดที่รัฐธรรมนูญกำหนด และใครจะเป็นผู้คัดเลือกหากตนพ้นจากตำแหน่งไป และหากจะใช้มาตรา 7 ที่บอกว่า หากไม่มีบทบัญญัติใดให้ดำเนินการตามประเพณี ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่เคยมีประเพณีมาก่อน เพราะเรามี กกต. ตามรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2540 จะมองเป็นประเพณีได้หรือไม่ แต่เราก็ไม่เคยมีการบัญญัติแยกที่มาอย่างนี้เหมือนกัน ทั้งนี้ตนมองว่าเรื่องนี้ถึงที่สุดแล้วอาจะต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาตีความ
"ผมยอมรับว่า กกต. ชุดนี้เป็นของปลอม เพราะถูกตั้งโดย คมช. ไม่ได้ถูกตั้งมาตามรัฐธรรมนูญหรือได้รับการโปรดเกล้าฯ เรื่องนี้ไม่ขอต้เถียงใครที่กล่าวหา แต่ผมเห็นว่าแม้ไม่ได้มาตามรัฐธรรมนูญแต่กฎหมายก็เปิดโอกาสให้ทำได้ นายสุเมธ กล่าว
เมื่อถามว่า มองว่าอนาคตของตุลาการภิวัฒน์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร นายสุเมธ กล่าวว่า เรื่องนี้พูดยาก แต่หากบ้านเมืองเรียบร้อยอยากเห็นตุลาการกลับเข้ากรมกอง ชีวิตการเป็นศาลกับการอยู่ข้างนอกไม่เหมือนกัน หากออกมามากๆกลัวจะเหลิง เพราะการเมืองต้องเจอหลายประเภท และการที่ศาลจะกลับได้ต้องอยู่ที่การแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งการจะแก้ได้ก็ต้องให้บ้านเมืองสงบ โดยรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับก็จะเหมาะกับสถานการณ์ในขณะนั้น รัฐธรรมนูญปี 2550 ก็เหมาะกับการแก้ปัญหาช่วงนั้น หรือ มาตรา 237 เรื่องการยุบพรรค เมื่อมาถึงตอนนี้ก็ต้องดูว่าสมควรหรือไม่ เช่นผู้จัดการทำผิดจำเป็นต้องยุบบริษัทเลยหรือ การให้ยาแรงอาจจำเป็นในเวลานั้น แต่ตอนนี้ที่ไข้ยังไม่มากให้ยาแรงมากไปเดี่ยวจะตายกันหมด