ตำรวจจ่อหมายเรียกพ่อแม่ "น้ำมนต์" เอี่ยวลวงแต่งงาน

ตำรวจจ่อหมายเรียกพ่อแม่ "น้ำมนต์" เอี่ยวลวงแต่งงาน

ตำรวจจ่อหมายเรียกพ่อแม่ "น้ำมนต์" เอี่ยวลวงแต่งงาน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตำรวจ จ่อออกหมายเรียก พ่อแม่ "น้ำมนต์" สอบเอี่ยวร่วมฉ้อโกงหลอกหนุ่มแต่งงาน ลงทุนธุรกิจ วันจันทร์นี้ ขณะที่ ตำรวจกองปราบ เร่งรวบรวมหลักฐาน ประสาน ปปง.เอาผิดฐานฟอกเงิน 

(10 ก.ย.)พ.ต.อ.อริยะ พันธุฟัก ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จังหวัดปทุมธานี เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้าคดี นางสาวจริยาภรณ์ หรือ น้ำมนต์ ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงหลอกลวงชาย 14 คนแต่งงานแล้วเชิดเงินและทรัพย์สินหลบหนี ว่า ภายหลังฝากขังผู้ต้องหาไปแล้วนั้น ล่าสุดพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างเชิญพยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุที่ใช้เป็นพื้นที่ในการจัดงานแต่งงานมาสอบปากคำ เพื่อดูเจตนาว่า บิดาและมารดาของนางสาวจิรยาภรณ์ มีส่วนร่วมกับการกระทำผิดด้วยหรือไม่

พร้อมคาดว่าในวันจันทร์นี้ พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกบิดาและมารดาของนางสาวจริยาภรณ์ ให้เข้าพบเพื่อสอบปากคำ โดยระยะเวลากำหนดนัด ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน และระยะทางแหล่งที่พัก แต่จนขณะนี้ตำรวจยังไม่ทราบแหล่งที่อยู่ที่ชัดเจนและไม่สามารถติดต่อบิดามารดาของนางสาวจริยาภรณ์ ได้

อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.อริยะ ยังกล่าวด้วยว่า สำหรับพื้นที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความในกรณีถูกหลอกลวงให้แต่งงานด้วย จำนวน 2 คน และฐานลักทรัพย์ 1 คน ซึ่งได้สอบปากคำไว้ทั้งหมดแล้ว

ด้าน พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงกรณีประสาน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เอาผิด นางสาวจริยาภรณ์ หรือ น้ำมนต์  ในฐานความผิดฟอกเงินเพิ่มเติม ว่า เบื้องต้นกรณีนี้ นาย สงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความ ได้นำผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ กับ ปปง. แล้ว และในส่วนของกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามซึ่งเป็นชุดจับกุมผู้ต้องหาก็มีหน้าที่สนับสนุนข้อมูล โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งรวบรวมพยานหลักฐานการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพื่อส่งให้ ปปง. ประกอบสำนวนพิจารณา โดยยืนยันว่า จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด

ส่วนกรณี นางสาวสร้อยเพ็ชร ที่พบว่าเป็นชื่อบัญชีเงินฝากที่ นางสาวจริยาภรณ์ ใช้ในการกระทำผิดนั้น พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า จากที่นางสาวสร้อยเพ็ชร ได้เข้าให้ข้อมูลในฐานะพยานกับเจ้าหน้าที่ ได้ให้การว่าไม่มีส่วนรู้เห็น เนื่องจากเป็นบัญชีเงินฝากเก่าตั้งแต่ครั้งทำงานร่วมกัน และกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม ก็มีหน้าที่เพียงสนับสนุนการสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้ตำรวจท้องที่ประกอบสำนวนคดี

แต่การที่จะพิสูจน์ ว่านางสาวสร้อยเพ็ชร ร่วมกระทำผิดกับนางสาวจริยาภรณ์ หรือไม่นั้น ทางพนักงานสอบสวนแต่ละพื้นที่ที่ผู้เสียหายไปแจ้งความร้องทุกข์ จะเป็นผู้พิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงตามหลักฐานที่ปรากฎ ทั้งการตรวจสอบกล้องวงจรปิด จำนวนบัญชีธนาคารที่ใช้ และใครเป็นผู้กดเงินในบัญชีดังกล่าว ซึ่งหากหลักฐานพบว่านางสาวสร้อยเพ็ชรมีส่วนเกี่ยวข้องกับการได้มาของเงิน ก็จะถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทันที 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook