น้องโอ๋ยัน ต้อย แอคเนอร์ ยอมขอโทษเรื่องจบ

น้องโอ๋ยัน ต้อย แอคเนอร์ ยอมขอโทษเรื่องจบ

น้องโอ๋ยัน ต้อย แอคเนอร์ ยอมขอโทษเรื่องจบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ต้อย แอคเนอร์ ยอมขอโทษ น้องโอ๋ ย้ำฐานะทางบ้านฝ่ายหญิงดี ไม่มีปัญหาทางการเงินอย่างที่เคยพูดเป็นข่าวไป ด้าน น้องโอ๋ ระบุเมื่อฝ่ายชายยอมออกมาขอโทษเรื่องทุกอย่างจบ

(16มี.ค.) นายเกรียงศักดิ์ สกุลชัย หรือ ต้อย แอคเนอร์ เจ้าของนสพ.บันเทิงมายาชาแนล และ น.ส.เพชรคัมภรณ์ งามช่อชัยพฤกษ์ หรือ น้องโอ๋ พร้อมอัยการได้เดินทางมายัง สน.สุทธิสาร เพื่อเจรจากับ ร.ต.ท.สันติ ผิวทองคำ พนง.สบ.1 เจ้าของคดีเพื่อยุติเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด กรณีที่น้องโอ๋แจ้งความถูก ต้อย แอคเนอร์ กระทำการลวนลามขณะที่ฝึกงานในบริษัท กระทั่งเดือนมีนาคมได้มีการนัดไกล่เกลี่ยเพื่อจะยุติเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งต้อย แอคเนอร์พร้อมจะขอโทษกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีกองทัพนักข่าวทั้งสายบันเทิงและสายตำรวจ มาปักหลักรอตั้งแต่เช้า ตรู่กระทั่ง 09.30 น. น้องโอ๋ เดินทางมาพร้อมเพื่อนชายและครอบครัว ส่วน ต้อย แอคเนอร์ มาถึง สน.ประมาณเวลา 10.15 น.พร้อมคนขับรถ นักข่าวพยายามสัมภาษณ์ แต่จนท.ตำรวจพาเข้าไปเจรจาเป็นการส่วนตัว ก่อนจะออกมาแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน

จากนั้นเวลาผ่านไปประมาณ 30 นาที ทั้งหมดเดินออกมาจากห้องสอบสวน เพื่อนั่งแถลงข่าวที่ห้องประชุมฝ่ายสืบสวน สน.สุทธิสาร มี ร.ต.ท.สันติ ร่วมแถลงข่าวด้วย โดย ต้อย แอคเนอร์ เปิดเผยว่า ขอเป็นคนพูดและสรุปเรื่องตั้งแต่ต้น ทำไมทุกคนถึงสงสัยว่า ตนไม่ยอมพูดกับใคร แต่ในความเป็นจริง ตนนั้นอยากจะพูดแต่เมื่อข่าวออกมาด้านนั้น ตนก็ปรึกษาทนาย และพูดคุยเพื่อเก็บข้อมูลเพื่อฟ้องแย้ง และก็มีความเห็นด้วยกับทนาย เนื่องจากการไม่พูดและรับฟังจะเก็บข้อมูลได้ดีที่สุด

ซึ่งต่อมาจนท.ตร.ก็ได้พูดคุยกับตน และบอกว่าให้ตนช่วยพูดออกมาบ้าง เพราะข่าวที่ออกไปมันเกิดความเสียหาย ทั้งชื่อเสียง ทั้งที่ความเป็นจริงยังไม่ร้ายแรงขนาดนั้น เมื่อเวลาผ่านไป ตร.ก็ได้ทำตามกระบวนการอันไหนที่อ่อน อัยการก็สอบเพิ่ม สำหรับตน ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยหยุดทำงาน ตรวจสอบดูว่ามีใครเขียนข่าวพาดพิงถึงตนบ้าง เพื่อเก็บข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามให้เต็มที่ ต่อมาได้คุยนอกรอบกับอัยการ ซึ่งก็ได้รับคำอธิบายว่า ในที่สุดคดีนี้ก็แค่ปรับและติดคุกไม่เกิน 6 เดือน ตอนนั้นตนไม่ได้พูดคุยกับน้องโอ๋ ไม่กล้าคุย แต่พอมาคิดดูแล้ว ถ้าเกิดปล่อยให้เรื่องยืดเยื้อต่อไป ปล่อยให้ชาวบ้านเข้าใจผิดไปหมด มันก็จะได้ผลกระทบที่ไม่ดีทั้งคู่

"วันนี้ได้มีการนัดเจรจาพร้อมหน้า พูดถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งทราบว่าไม่มีใครู้สึกไม่ดีกับใคร เราให้เกียรติเด็กฝึกงานเสมอ เวลาไปทำงานก็ไม่ได้ให้ไปคนเดียว มีเพื่อนไปด้วยตลอด สำหรับเรื่องวันนั้นก็เป็นความเข้าใจผิด เป็นอุบัติเหตุ ระหว่างอยู่ในห้องประตูเปิดไว้ ผมสะดุดล้ม มือก็เลยไปโดนน้องโอ๋ ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดอะไรเลย" ต้อย กล่าว

ต้อย แอคเนอร์ กล่าวว่า เมื่อมาปรับความเข้าใจกับน้องโอ๋ ก็ทราบว่าน้องโอ๋ก็โดนกระแสสังคมมองด้านดีและไม่ดี ถามว่า โอ๋ อยากดังหรือปล่าว เพราะสร้างกระแสมีข่าวกับตน ประมาณนั้น สำหรับที่ตนออกมาแถลงข่าวครั้งแรก เพราะว่าน้องโอ๋ต้องการแบล็คเมตนเพื่อนำเงินไปช่วยทางบ้าน อันนี้ตนขอยอมรับว่า ผู้รู้คนหนึ่งบอกให้ตนพูดตอบโต้ไปแบบนั้น ตนจึงทำตาม แต่ความจริงแล้วน้องโอ๋มีฐานะทางบ้านที่ดี และน้องไม่เคยเรียกร้องเงินเลย วันนี้ตนพร้อมจะขอโทษกับเหตุทั้งหมด ยอมรับว่าวันนั้นมีการถูกเนื้อต้องตัวจริง แต่ไม่ได้มีเจตนาลวนลาม ก็ขอออกมากล่าวขอโทษอย่างลูกผู้ชาย และขอขอบคุณจนท.ตร.และอัยการที่ช่วยเป็นตัวกลางประสานให้ตนกับน้องโอ๋เจรจรากัน และจบกันด้วยดี

ด้านน้องโอ๋ กล่าวว่า รู้สึกว่าสบายใจขึ้นหลังจากได้มีการพูดคุย ตนไม่สามารถรู้ได้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้น จงใจหรือไม่จงใจ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ในใจเขา แต่ตนยืนยันว่าวันนั้นมีการแตะเนื้อต้องตัวจริง ซึ่งตนก็คิดว่าเป็นการลวนลาม ถ้าวันนี้เขาออกมาพูดว่าเขาไม่ได้คิดอะไรก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะกล่าวแบบนั้น แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่าเขายอมออกมาขอโทษกับสิ่งที่เขาทำลงไป ซึ่งตนก็เคยให้สัมภาษณ์กับรายการตาสว่างแล้วว่าถ้าเขายอมออกมาขอโทษ ทุกสิ่งทุกอย่างก็จบ และในเมื่อวันนี้เขายอมออกมาขอโทษในสิ่งที่ทำและพูดความจริงเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวของโอ๋ เพราะโอ๋ไม่ได้เดือดร้อน

ซึ่งตอนนี้คุณแม่ก็ได้เปิดโชวร์รูมรถยนต์ราคาหลายล้าน ประเด็นนี้ก็อยากจบเรื่องทุกอย่าง กลัวว่าจะมีผลกระทบกับธุรกิจคุณแม่ อีกอย่างเวลาเดินไปไหน ก็มีแต่คนถามว่าได้เงินค่าฟ้องร้องเท่าไหร่ ตนเบื่อที่จะต้องมานั่งอธิบายแต่ที่ฟ้องเพราะไม่อยากให้ใครดูถูก ตนสู้เพื่อศักดิ์ศรีลูกผู้หญิง สู้เพื่อความถูกต้อง และต้องการเป็นกรณีตัวอย่าง ให้นักศึกษาฝึกงานผู้หญิงที่ต้องเจอกับผู้ประกอบการ หรือนายจ้าง หรือหัวหน้า และอื่น มาคุกคาม โดยเฉพาะเรื่องถูกลวนลาม อนาจารต่างๆ หรืออาจมากไปกว่านั้น สำหรับการถอนแจ้งความคงต้องขอปรึกษากับผู้ใหญ่ก่อนว่าจะเอาอย่างไรต่อไป

ร.ต.ท.สันติ กล่าวว่า เรื่องทั้งหมดไม่มีการจ่ายเงินเพื่อไกล่เกลี่ยทั้งสิ้นทั้งผู้เสียหายก็ไม่ได้เรียกร้องสิ่งใด แต่เจ้าพนักงานต้องการให้พูดคุยกันเพื่อยุติปัญหาทุกอย่าง เพราะคดีนี้สามารถถอนแจ้งความได้และทางอัยการก็จะตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดอีกที อย่างไรก็ตามเมื่อมีการเจรจากันว่าทุกอย่างจบ ข้อสงสัยระหว่างน้องโอ๋กับต้อย ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกแล้ว เพราะว่าได้มีการขอโทษกันแล้ว

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook