ซัลเฟอร์ยังเป็นสารอันตราย ศาลสั่งทุเลาสะพัดยกเลิกเป็นวัตถุอันตรายช่วยบ.ไม่จ่ายค่าปรับกว่าหมื่นล้าน

ซัลเฟอร์ยังเป็นสารอันตราย ศาลสั่งทุเลาสะพัดยกเลิกเป็นวัตถุอันตรายช่วยบ.ไม่จ่ายค่าปรับกว่าหมื่นล้าน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ศาลปกครองสั่งทุเลาประกาศกระทรวงอุตฯเลิกสารซัลเฟอร์เป็นวัตถุอันตราย ศาลชี้พิรุธดำเนินการอย่างเร่งรีบ เชื่อลักไก่ขึ้นบัญชี13สมุนไพรเป็นวัตถุอันตราย ก่อนเนียนพ่วงยกเลิกซัลเฟอร์ สะพัดส่อช่วยบริษัทที่ถูกดีเอสไอ-ศุลกากรจับ ต้องเสียค่าปรับกว่า 10,000 ล้าน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ 224/2552 ให้ทุเลาการบังคับตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ลงนามโดยนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2552 เรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2552 โดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตรายให้ยกเลิก สารซัลเฟอร์ จากรายชื่อวัตถุอันตรายในบัญชีท้ายประกาศ ฉบับที่ 1 พ.ศ.2538 และให้ผลิตภัณฑ์จากพืช 13 ชนิด อาทิ พริก ขิง ข่า ขมิ้นชัน สะเดา ขึ้นฉ่าย ฯลฯ เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 ในบัญชี ข.แนบท้ายประกาศ จนกว่าคดีจะถึงที่สุด หรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น เนื่องจากศาลเห็นว่าประกาศดังกล่าวน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยทั้งหมดสามารถอุทธรณ์คำสั่งการบังคับตามกฎหรือคำสั่งทางปกครองภายใน 30 วัน นับแต่วันรับแจ้งหรือทราบคำสั่งศาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีดังกล่าว เป็นคดีพิพาทที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกกฎโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ระหว่างนายสมคิด หอมเนตร นักวิชาการอิสระ ผู้ฟ้องคดี กับนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายรัชดา สิงคาลวณิช อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมวิชาการเกษตร นายยุคล ลิ้มแหลมทอง อธิบดีกรมปศุสัตว์ และคณะกรรมการวัตถุอัตราย ในฐานะผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-6 เนื่องจากผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 6 คน ร่วมกันออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2552 โดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตรายให้ยกเลิก สารซัลเฟอร์ จากรายชื่อวัตถุอันตรายในบัญชีท้ายประกาศ ฉบับที่ 1 พ.ศ.2538 และให้ผลิตภัณฑ์จากในส่วนพืช 13 ชนิด เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 ในบัญชี ข.แนบท้ายประกาศ

ศาลเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นไปอย่างเร่งรีบ เนื่องจากพบว่าหนังสือดังกล่าวทำถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2552 และลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2552 เพื่อให้มีผลบังคับใช้ทันที ทั้งที่การลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยมากจะใช้เวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หลังจากมีการนำส่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

ข่าวแจ้งว่า ซัลเฟอร์ (Sulfur) หรือกำมะถันถูกกำหนดให้เป็นวัตถุอันตรายเพราะมีผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพ โดยเฉพาะต่อระบบทางเดินหายใจ หรืออาจนำไปทำวัตถุระเบิด ซัลเฟอร์จึงถูกจัดให้อยู่ในบัญชีท้ายประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ.2538 ที่ลงนามโดยนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สมัยนั้น เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2538 โดยมีหน่วยงานรับผิดชอบ 2 หน่วยงานคือ กรมวิชาการเกษตรควบคุมการใช้เพื่อผลิตสารป้องกันเชื้อรา และกรมโรงงานอุตสาหกรรมควบคุมการใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตยางรถยนต์

จากข้อมูลของระบบงานสารสนเทศวัตถุอันตรายรายปี จำแนกตามผู้ขออนุญาต/ผู้ประกอบการ จัดทำโดยสำนักควบคุมวัตถุอันตราย กรมโรงงานอุตสาหกรรม ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2551 ชื่อวัตถุอันตราย ซัลเฟอร์ มีบริษัทที่ขออนุญาตนำเข้าและได้รับใบสำคัญขึ้นทะเบียน 97 บริษัท โดยในปี 2549 มีการนำเข้าสารซัลเฟอร์ภายใต้การกำกับดูแลของกรมโรงงานอุตสาหกรรม จำนวน 7 ครั้ง ปริมาณ 1.25 แสนกิโลกรัม ปี 2550 เพิ่มเป็น 147 ครั้ง ปริมาณ 1.61 ล้านกิโลกรัม และในครึ่งปีแรกของปี 2551 (มกราคม-มิถุนายน) เพิ่มเป็น 2 เท่า คือนำเข้า 193 ครั้ง ปริมาณ 3.21 ล้านกิโลกรัม

ข่าวแจ้งว่า อย่างไรก็ตามระหว่างเดือนกันยายน-ตุลาคม 2551 พบว่า มีการจับกุมบริษัทที่นำเข้าสารซัลเฟอร์ โดยไม่ได้ขออนุญาตอย่างถูกต้องหลายบริษัท โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจค้นจับกุมได้ 6 ราย รวมมูลค่า 1,200 ล้านบาท กรมศุลกากรตรวจค้นจับกุม 21 รายมูลค่า 1,267 ล้านบาท รวมคดีที่ทั้งสองหน่วยงานจับกุมมีมูลค่า 2,467 ล้านบาท ซึ่งตาม พ.ร.บ.กรมศุลากร หากถูกดำเนินคดีและศาลพิพากษาลงโทษจะต้องชำระค่าปรับ 4 เท่าของมูลค่านำเข้าหรือเป็นเงินกว่า 10,000 ล้านบาท

แหล่งข่าวระดับสูงในกระทรวงอุตสาหกรรมเปิดเผยว่า หลังการจับกุมได้มีความพยายามของกลุ่มบริษัทผู้นำเข้าให้ออกประกาศกฎกระทรวงอุตสาหกรรมยกเลิกสารซัลเฟอร์ จากรายชื่อวัตถุอันตรายในบัญชีท้ายประกาศ ฉบับที่ 1 พ.ศ.2538 โดยความร่วมมือของข้าราชการระดับสูงและนักการเมืองในกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อผ่อนปรนการควบคุมการนำเข้าสารซัลเฟอร์ ซึ่งเมื่อครั้ง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เคยมีข้อเสนอดังกล่าวขึ้นมา แต่ได้รับการปฏิเสธจาก พล.ต.อ.ประชา

กระทั่งวันที่ 24 ธันวาคม 2551 มีการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย กรมโรงงานอุตสาหกรรมในฐานะเลขานุการได้เสนอให้ออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อยกเลิกสารซัลเฟอร์เป็นวัตถุอันตราย แต่อธิบดีกรมควบคุมมลพิษได้คัดค้านในที่ประชุม เนื่องจากเห็นว่าเรื่องนี้ยังเป็นคดีความอยู่ และไม่จำเป็นต้องทำหนังสือหารือสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เกี่ยวกับผลย้อนหลัง เพราะจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทที่ถูกจับกุม ปรากฏว่าที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตรายเห็นด้วยว่าไม่ต้องหารือ อสส. แต่ก็เห็นชอบที่เสนอให้ยกเลิกสารซัลเฟอร์เป็นวัตถุอันตราย เนื่องจากกรรมการส่วนใหญ่อยู่ในกระทรวงอุตสาหกรรม แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวกล่าวว่า หลังมีคำสั่งศาลปกครองกลางออกมา ทำให้ได้รู้ความจริงว่า การกระกาศให้พืชสมุนไพรของไทย 13 ชนิดเป็นวัตถุอันตราย เหมือนเป็นการตบตาเพราะเมื่อมีเกษตรกรเดือดร้อน ออกมาประท้วง กระทรวงอุตสาหกรรมจึงมีคำสั่งยกเลิกพืชสมุนไพรทั้ง 13 ชนิด ออกจากวัตถุอันตราย พร้อมมีคำสั่งยกเลิกสารซัลเฟอร์ ออกจากวัตถุอันตรายในบัญชีท้ายประกาศ ฉบับที่ 1 พ.ศ.2538 ด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook