สำหรับในประเทศไทยบริษัทจะใช้งบประมาณ 120 ล้านบาท เพื่อทำตลาดเจาะไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่ที่เป็นผู้หญิงคนรุ่นใหม่ถึงวัยทำงาน อายุ 20-29 ปี คาดว่าภายในปีนี้จะทำยอดขายได้ 5 แสนลัง หรือมีส่วนแบ่งตลาด 5-6% ของตลาดชาพร้อมดื่มที่มีมูลค่า 4,000 ล้านบาท ในขณะที่ตลาดชาเขียวพร้อมดื่มนะมาชะ บริษัทจะยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดที่มีอยู่ 2% ในตลาดชาเขียวที่คิดสัดส่วนเป็น 60% ของตลาดรวมชาเขียวพร้อมดื่ม ซึ่งปัจจุบันได้ปรับกำลังการผลิตตามความเปลี่ยนแปลงของตลาด โดยขณะนี้กำลังการผลิตอยู่ที่ 1.2 แสนลัง ส่วนชาพร้อมดื่มที เบรก มีกำลังการผลิต 5 แสนลัง
นอกจากนี้ บริษัทมีความสนใจขยายไลน์ไปยังกลุ่มเครื่องดื่มอื่นๆ ด้วย ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างพิจารณา และศึกษาความต้องการของผู้บริโภคคนไทย โดยกลุ่มคิริน ในประเทศญี่ปุ่นมีสินค้าประเภทเครื่องดื่มอยู่เป็นจำนวนมาก แต่จะเลือกสินค้าที่มีแนวโน้มตามความนิยมของผู้บริโภคคนไทยเป็นหลัก ส่วนกรณีที่กรมสรรพสามิตจะขึ้นภาษีประเภทชาและกาแฟนั้น บริษัทต้องขอดูในรายละเอียดก่อน และจะพิจารณาให้รอบคอบ ก่อนที่จะดำเนินการใดๆ ซึ่งแนวทางดังกล่าวเพิ่งออกมายังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน