ศาลยกฟ้องหนุ่มแพะฉกเพชร 15 ล้าน ชี้พยานอ่อนหลังติดคุก 7 เดือน

ศาลยกฟ้องหนุ่มแพะฉกเพชร 15 ล้าน ชี้พยานอ่อนหลังติดคุก 7 เดือน

ศาลยกฟ้องหนุ่มแพะฉกเพชร 15 ล้าน ชี้พยานอ่อนหลังติดคุก 7 เดือน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศาลอาญาธนบุรี อ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการคดีอาญาธนบุรี 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายพิสิษฐ์ สุวรรณพิมพ์ ชาวจังหวัดนครพนม ซึ่งตกเป็นจำเลยในคดีวิ่งราวทรัพย์และกักขังหน่วงเหนี่ยว

จากกรณี นายพิสิษฐ์ ถูกกล่าวหาว่า ทำการวิ่งราวเพชรมูลค่า 15.8 ล้านบาท ไปจากผู้เสียหาย ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านบางแวก เมื่อช่วงปี 2559 และ นายพิษฐ์ ถูกตำรวจตามไปควบคุมตัวได้ ที่ จ.นครพนม ซึ่งผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเจ้าของเพชรที่กรุงเทพฯ ได้ชี้ตัวยืนยันว่าคนร้ายคือนายพิสิษฐ์

โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐาน จากโจทก์จำเลยแล้วเห็นว่าคดีนี้พยาน 2 ราย ซึ่ง เคยพบเห็นคนร้ายถึง 2 ครั้ง ยืนยันว่า คนร้าย มีรูปร่างท้วม ผิวดำแดง สูงประมาณ 158 เซนติเมตร ริมฝีปากล่างเผยอออกมา และเมื่อทนายจำเลย นำภาพถ่ายของจำเลยไปให้พยานชี้ตัว ยืนยันว่าจำเลยไม่ใช่คนร้ายที่ก่อเหตุ

ขณะที่ ผู้เสียหาย ซึ่งทำการซื้อขาย ราคา 15.8 ล้าน กับคนร้ายที่บ้านพักในหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านบางแวก กลับให้การสับสน เกี่ยวกับรูปพรรณสัณฐานของคนร้าย และจำเลย ประกอบกับพนักงานสอบสวนไม่ทำการ ตรวจดีเอ็นเอ โต๊ะที่เกิดเหตุ ที่คนร้ายนั่งคุยกับผู้เสียหาย เพื่อมาเปรียบเทียบยืนยันว่า คนร้าย คือจำเลยหรือไม่

รวมทั้ง หมายเลขโทรศัพท์ที่ผู้เสียหายอ้างว่า คน คนร้ายใช้เบอร์โทรศัพท์นี้โทรมาติดต่อเรื่องของการซื้อเพชร และเมื่อเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบ การจดทะเบียน ซิมก็พบว่าเป็นชื่อของนายพิสิฐ จำเลย แต่ พนักงานสอบสวนไม่ทำการ หาหลักฐานมายืนยันว่าในการจดทะเบียนซิมนั้นนายพิสิษฐ์ได้นำบัตรประจำตัวประชาชนของตนเองไปแสดงตัวกับเจ้าหน้าที่ AIS ด้วยตนเองหรือไม่

พยานหลักฐานของโจทก์จึงยังรับฟังไม่ได้ว่าคนร้ายที่ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์นั้น คือตัวจำเลย ตามฟ้องโจทก์และจำเลยได้นำพยานที่อยู่ในจังหวัดนครพนมมาเบิกความเกี่ยวกับเรื่องของถิ่นที่อยู่ ศาลจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย อีก พิพากษายกฟ้องและให้ออกหมายปล่อย จำเลยตามผลของคำพิพากษา

หลังทราบผลคำพิพากษาแล้ว นายพิสิษฐ์ ได้ก้มลงกราบมารดา ภายในห้องพิจารณาคดี และ เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม ที่ให้การช่วยเหลือทางคดี ได้เข้าไปแสดงความยินดีกับ นายพิสิษฐ์ ด้วย

โดย นายดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวภายหลังฟังคำพิพากษาว่า คดีนี้ หลัง กระทรวงยุติธรรม ได้รับเรื่องร้องเรียนจากญาติจำเลย จึงสั่งการให้ดีเอสไอ ทำการตรวจสอบพยานหลักฐาน ก็พบพิรุธ ในหลายเรื่อง และการที่ศาลมีคำพิพากษาในวันนี้ ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นบรรทัดฐาน ให้กับสังคม และพนักงานสอบสวน ควรทำคดีให้มีความรอบคอบ

ขณะที่ มารดาของนายพิสิษฐ์ กล่าวว่า ดีใจมากที่ลูกชายพ้นผิด ที่ผ่านมาก็ให้กำลังใจลูกชายมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม หลังศาลมีหมายปล่อยตัวจำเลยแล้ว จะได้นำคำสั่ง ดังกล่าวไปขอปล่อยตัวที่เรือนจำธนบุรี ในช่วงเย็นวันนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook