สารพัดกลยุทธ์ดึงกำลังซื้อ กูรูชี้ Customization เทรนด์แรง/ไซซิง-สงครามราคากระหึ่ม

สารพัดกลยุทธ์ดึงกำลังซื้อ กูรูชี้ Customization เทรนด์แรง/ไซซิง-สงครามราคากระหึ่ม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ผู้ประกอบการ งัดสารพัดกลยุทธ์เรียกกำลังซื้อกลับ หลัง 2 เดือนแรกหดไปแล้วกว่า 10% ธีรพันธ์ โล่ห์ทองคำ นักการตลาดมืออาชีพ แนะ เทรนด์มาแรง คือ Customization จัดแพ็กเกจการตลาดตามใจลูกค้า อังกฤษตรางู- ปุ้มปุ้ย เล่นกลยุทธ์ไซซิง พร้อมจัดโปรโมชันพิเศษ ด้าน พรานทะเล อัดแคมเปญ ลด แลก แจก แถม ยันไตรมาส 2 ขณะที่ เมเจอร์ หันเล่นสงครามราคา จัด 3 แพ็กเกจราคาตามเซ็กเมนต์ นักเรียน เด็ก และคนทำงาน ด้านกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ยอมหั่นราคา 25-30% กับสินค้าบางรุ่น หวังเรียกกำลังซื้อกลับ

สำหรับตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค หรือคอนซูเมอร์โปรดักต์ ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ โดยในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2552 กำลังซื้อผู้บริโภคหายไปกว่า 10% เห็นได้จากยอดขายในห้างสรรพสินค้าที่ลดลง ดังนั้น ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จำเป็นต้องงัดกลยุทธ์ต่างๆ ออกมากระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภค โดยเฉพาะกลยุทธ์ทางด้านราคาและขนาดของสินค้าหรือไซซิง นอกจากนี้ยังมีแคมเปญการตลาด และโปรโมชันต่างๆ ที่ทยอยออกมาเรียกกำลังซื้อชนิดถี่ยิบ

คอนซูเมอร์งัดเกมราคา/ไซซิง

ผศ.ดร. ธีรพันธ์ โล่ห์ทองคำ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ธรู เดอะไลน์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด เปิดเผย ฐานเศรษฐกิจ ว่า ภาพรวมการแข่งขันของตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในขณะนี้ สิ่งที่จะกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคคงหนีไม่พ้นกลยุทธ์ทางด้านราคาและการใช้กลยุทธ์เรื่องไซซิง เพื่อขานรับกับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง ขณะเดียวกันการรุกตลาดของ ผู้ประกอบการจะเน้นแผนหวังผลแบบทันทีทันใด ซึ่งจะใช้งบประมาณแบบคุ้มค่าและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด

การทำตลาดแตกต่างไปจากอดีตที่รู้จักกัน คือ การสื่อสารการตลาดแบบ Mass Marketing จนกระทั่งเข้าสู่ยุค Niche Marketing วันนี้ ก้าวมาถึงยุคของการทำ Customization หมายถึง การทำตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ผู้ประกอบการจะนำมาใช้เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงเวลานี้ ซึ่งจะเน้นการทำโปรโมชัน มากขึ้น เป็นกลยุทธ์ที่สินค้าทุกประเภทนำมาใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจคอนซูเมอร์โปรดักต์ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีวันหมดอายุ หรือshelf life เพราะวิธีนี้จะช่วยบริหารการค้างสต๊อกสินค้าให้ออกไปได้รวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ได้กระแสเงินสดกลับมาทันที

ขณะที่งบประมาณ เน้นลงไปที่เรื่องของการจัดโปรโมชัน ที่จะเน้นให้เกิดผล หรือกระตุ้นให้เกิดการซื้อแบบทันทีทันใด ส่วนกลยุทธ์ที่หวังผลระยะยาว อาทิ การสะสมแสตมป์ หรือสะสมแต้ม จะใช้ไม่ได้ในปีนี้ เนื่องจากลูกค้าชอบเห็นการลดแบบเห็นผลทันที ดังนั้นการลดราคาหน้าร้าน ลด ณ จุดขาย การซื้อสินค้าเป็นแพ็ก การขายสินค้าพ่วง รวมถึงการจัดอีเวนต์แบบเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรงจะมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และจะเป็นกลยุทธ์หลักที่ผู้ประกอบการจะนำมาใช้มากขึ้น ขณะที่กลยุทธ์การซื้อ 1 แถม 1 ก็ยังจะมีให้เห็นอยู่และยังเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ได้ดีเช่นกัน

สำหรับรูปแบบกิจกรรมอีเวนต์ ปีนี้จะมี 3 รูปแบบด้วยกัน คือ 1. การจัดกิจกรรมเพื่อเปิดตัวสินค้าใหม่ 2. การทำการตลาดในเชิง ด้านภาพลักษณ์ขององค์กรที่ทุกบริษัทยังคงทำแบบระยะยาว และ3. แบบ Community Event ที่เจาะลึกลงถึงชุมชนมากยิ่งขึ้น เน้นส่งเสริมการตลาดแบบบีโลว์เดอะไลน์ เพื่อเข้าถึงกำลังซื้อ และกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ให้เกิดการทดลองใช้สินค้าแบบเข้าถึง ขณะที่บริษัทใหญ่จะยังให้ความสำคัญกับการทำ CRM กับลูกค้าเก่าด้วย ทั้งนี้ กลยุทธ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นกับธุรกิจหรือบริษัทที่มีฐานข้อมูลที่ดีเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม การตลาดแบบ Community Marketing จะเป็นในลักษณะของ Synergy Marketing หรือการจับมือกันหลายๆ บริษัททำการตลาด ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับการร่วมจัดโปรโมชัน การจัดกิจกรรมต่างๆ ที่จะมีหลายแบรนด์ที่มาจับมือกัน เพื่อส่งเสริมการขายร่วมกัน ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการประหยัดต้นทุนได้

++เกาะติดผู้บริโภค เพิ่มสินค้าไซซ์เล็ก

นายสุเมธ เหล่าโมราพร ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด บริษัทหลักในกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวสารตราฉัตร กล่าวว่า ในส่วนของข้าวตราฉัตรได้มีการผลิตข้าวขนาด 1 กิโลกรัมมากขึ้น เพื่อขานรับกำลังซื้อลูกค้า รวมทั้งจะมีการเจาะตรงถึงกลุ่มผู้บริโภคอย่างใกล้ชิดด้วยการทุ่มงบประมาณถึง 100 ล้านบาท ทั้งการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่และการขยายร้านค้าเข้าถึงลูกค้าในรูปแบบคีออสมากขึ้น

ด้านนายไกรเสริม โตทับเที่ยง รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด(มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารกระป๋องสำเร็จรูปภายใต้แบรนด์ ปุ้มปุ้ย ปลายิ้ม กล่าวว่า บริษัทจะเน้นแผนการเจาะตรงถึงลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าในต่างจังหวัด บริษัทได้ใช้กิจกรรมเจาะตรงด้วยการจัดโรดโชว์แนะนำสินค้า พร้อมแจกชิมตามตลาดนัดต่างๆ ในชุมชนและตามหมู่บ้านทั่วไป ใช้งบประมาณการรุกตลาดทั้งปี 10-15 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายที่จะให้การเติบโตคงที่เท่ากับปีที่ผ่านมาที่มีการเติบโตประมาณ 10%

ขณะที่นายสมชาย นิธิเสถียรชัย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและขายภายในประเทศ บริษัท อังกฤษตรางู (แอล.พี.) จำกัด กล่าวว่า ปีนี้พฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคจะซื้อสินค้าขนาดเล็กลง แต่จะเพิ่มความถี่ในการซื้อสินค้ามากขึ้น และจะหันมาซื้อสินค้าใกล้บ้านมากขึ้น ส่งผลให้ร้านคอนวีเนียนสโตร์มีการเติบโตมากขึ้นตามไปด้วย ขณะที่กลยุทธ์ด้านราคาจะยังคงมีบทบาทสำคัญอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากซัพพลายเออร์จะมีการจัดโปรโมชันทั้งสินค้าแพ็กคู่ สินค้าพรีเมียม โดยในส่วนของอังกฤษตรางู มีการจัดโปรโมชัน และผลิตสินค้าไซซ์เล็กเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

++พรานทะเลลด แลก แจก แถม

นายอนุรัตน์ โค้วคาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาดและฝ่ายปฏิบัติ บริษัท พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารทะเลแช่แข็งพรานทะเล กล่าวว่า พรานทะเล เน้นการวางราคาสินค้าให้เหมาะสมกับสภาพตลาด ใช้กลยุทธ์ ลด แลก แจก แถม มีด้วยกัน 2 รูปแบบ ได้แก่ 1.ลดราคาสินค้าลง แต่จำหน่ายในปริมาณเท่าเดิม หรือ 2.จำหน่ายราคาเท่าเดิม แต่เพิ่มปริมาณมากขึ้น โดยบริษัท ได้นำร่องลดราคาสินค้าอาหารพร้อมทานข้าวผัดปู จากราคา 59 บาท เหลือเป็น 49 บาท ส่วนคลิ๊กอาหารพร้อมรับประทานแบบซองกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรืออาหารกึ่งสำเร็จรูป ได้เพิ่มปริมาณ 40% แต่จำหน่ายราคาเดิม คือ 16 บาท แถมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคลิ๊ก 1 ซอง และยังจัดกิจกรรมชิงโชคชิงทองคำ 1 กิโลกรัม

พรานทะเล จะดำเนินการตลาดเชิงรุก ลด แลก แจก แถม ตั้งแต่ต้นปีกระทั่งถึงไตรมาส 2 จากนั้นจะพิจารณาถึงผลตอบรับอีกครั้งหนึ่ง และมองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจน่าจะกลับมาดีขึ้นในช่วงไตรมาส 3 โดยวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น จะไม่ส่งผลกระทบลากยาวไปจนถึง 2-3 ปี นายอนุรัตน์กล่าว

+++เครื่องใช้ไฟฟ้าหั่นราคา25-30%

นางสาวณญาณี เผือกขำ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด - สายธุรกิจสินเชื่อบุคคล และสินเชื่อผ่อนชำระ จีอี มันนี่ ประเทศไทย ผู้ให้บริการสินเชื่อบุคคล ภายใต้แบรนด์ เฟิร์สช้อยส์ คาร์ด กล่าวกับ ฐานเศรษฐกิจ ว่า ได้ร่วมมือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทำแคมเปญ เฟิร์สช้อยส์ จ่ายค่าไฟให้คุณ ซื้อเครื่องปรับอากาศ หรือตู้เย็นจากพันธมิตรทางธุรกิจทั้ง 17 แบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น พานาโซนิค, ซัมซุง, แอลจี, อีเลคโทรลักซ์, ไดกิ้น, ซัยโจ เด็นกิ, ไฮเออร์, ชาร์ป, แคเรียร์, แอสทีน่า, ยอร์ค, มิตซูบิชิ, ฟูจิตสึ, ฮิตาชิ, อามีน่า เซ็นทรัลแอร์ และ โตชิบา และผ่อนชำระกับเฟิร์สช้อยส์ รับสิทธิ์ฟรีค่าไฟสูงสุด 500 หน่วย พร้อมอัตราดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 18 เดือน และเมื่อซื้อเครื่องปรับอากาศ หรือตู้เย็นที่ติดฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 รับเพิ่มหลอดประหยัดไฟฟรี 5 หลอด ตั้งแต่วันนี้ - วันที่ 30 เมษายนนี้ ณ ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าตัวแทนบริษัททั่วประเทศ

บริษัทกำหนดงบการตลาดไว้กว่า 10 ล้านบาท โดยจะมุ่งเน้นไปที่เรื่องของการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ในภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวแบบนี้ ส่งผลให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ชะลอการจับจ่าย โดยเฉพาะในหมวดสินค้าอุปโภค ซึ่งปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อธุรกิจสินเชื่อเพื่อการผ่อนชำระ ทำให้ภาพรวมธุรกิจจะมีอัตราการเติบโตไม่มากนักเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

รายงานข่าวจาก บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด ได้งัดกลยุทธ์การปรับราคาจำหน่ายสินค้ารับฤดูการขายผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ โดยสินค้าระดับพรีเมียม หรือรุ่น Inverter บางรุ่นจะมีการปรับลดราคาจำหน่ายลงประมาณ 25-30% โดยตัดฟีเจอร์การใช้งานบางชนิดออก เพื่อให้เกิดความสมดุลกับราคาจำหน่าย อาทิ รุ่น 9,000 บีทียู จากราคาจำหน่ายเดิมที่ 40,800 บาท ลดเหลือ 29,900 บาท ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวได้ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรก และบริษัทมองว่ากลยุทธ์ลักษณะนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอยู่ ณ เวลานี้

+++โรงหนังหันเล่นสงครามราคา

นายอนวัช องค์วาสิฏฐ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจโรงภาพยนตร์ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้ บริษัทรุกหนักการทำแคมเปญด้านราคา โดยจัดแพ็กเกจราคาตามเซ็กเมนต์ วันธรรมดา ก่อน 6 โมงเย็น ทุกโรงทุกสาขา ได้แก่ แพ็กเกจสำหรับกลุ่มนักเรียน(Student) 60 บาท และ 80 บาท กลุ่มเด็ก (Children) ราคาตั๋ว 80 บาท และ กลุ่มซีเนียร์ หรือคนเริ่มต้นทำงาน ราคาตั๋ว 80 บาท ที่ผ่านมา เมเจอร์เคยทำแคมเปญราคาบ้าง แต่ทำเฉพาะบางโรงบางสาขา แต่ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ใช้แผนด้านราคาในแต่ละเซ็กเมนต์ เพราะต้องการเพิ่มความถี่ในการดูหนัง ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มความถี่ในการดูภาพยนตร์จากเดิมเฉลี่ยคนละ 2.5 เรื่องต่อเดือน มาเป็น 2.8-3 เรื่องต่อเดือน จากยอดขายตั๋วทั้งปีประมาณ 30 ล้านใบ ขณะที่สิ้นปีคาดว่าจะทำรายได้เพิ่มจากปีที่ผ่านมาประมาณ 10-15%

ส่วนค่ายเอเอส บริษัท เอส เอฟ ซีเนม่า ซิตี้ จำกัด ยังคงเดินแผนทำกิจกรรมการตลาดร่วมกับพันธมิตร โดยล่าสุดจัดกิจกรรม Fast 4 your life Thailand tune up car record กับภาพยนตร์เรื่อง Fast and Furious 4 นำรถแต่งจำนวนกว่า 100 คัน มาเรียงต่อกันหน้าลานศูนย์การค้าใจกลางเมืองกรุงเทพฯ เป็นชื่อภาพยนตร์ Fast and Furious 4

แหล่งข่าวในวงการโรงภาพยนตร์ กล่าวว่า การนำกลยุทธ์ด้านราคามาเล่น สำหรับเมเจอร์แล้วสามารถทำได้ เพราะมีจำนวนโรงมาก และมีตลาดที่หลากหลาย ซึ่งต่างจากคู่แข่งที่มีปริมาณโรงน้อยกว่า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook