หั่นเป้าหุ้นไอพีโอ 46 ตัวเกินเอื้อม
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า หลังจบไตรมาสแรกนี้ ตลท.เตรียมทบทวนเป้าหมายบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ หรือหุ้นไอพีโอที่จะเข้าจดทะเบียนใน ตลท.ปีนี้จากเดิมตั้งเป้าไว้ที่ 46 บริษัท เนื่องจากภาวะตลาดหลักทรัพย์ฯไม่เอื้ออำนวย
ขณะที่ตั้งแต่ต้นปีมานี้ มีบริษัทจดทะเบียน(บจ.)เข้าใหม่แล้วจำนวน 3 บริษัท อย่างไรก็ตาม คาดว่าหุ้นไอพีโอในปีนี้ไม่น่าจะน้อยกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวน 11 บริษัท เนื่องจากมีเรื่องของภาษีเข้ามาสนับสนุน ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาเข้ามาจดทะเบียนของบริษัท ต่างๆ
นอกจากนี้ ตลท.ยังเตรียมทบทวนมูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯปี 2552 เช่นกัน จากเดิมที่คาดว่าจะมีการซื้อขายเฉลี่ย 13,000 ล้านบาทต่อวัน เนื่องจากพบว่าภาวะการลงทุนในช่วง 2 เดือนแรกมีสภาพคล่องลดลงมาก หลังนักลงทุนยังรอดูความชัดเจนในเรื่องภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งอ้างอิงกับภาวะเศรษฐกิจต่างประเทศ โดยเดือนมกราคมมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 10,000 ล้านบาทต่อวัน ขณะที่เดือนกุมภาพันธ์มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ย 8,000 ล้านบาทต่อวัน
อนึ่งในช่วง 2 เดือนกว่าที่ผ่านมา (ม.ค.-16 มี.ค. ) มีบจ.เข้าใหม่ 3 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท แอปโซลูท อิมแพค จำกัด (มหาชน)(บมจ.) (AIM) ซื้อขายวันแรก หรือเทรดเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ,บมจ. เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) เทรดวันแรกเมื่อ 26 กุมภาพันธ์ และ บมจ. ไทยโพลีคอนส์ (TPOLY) เทรดวันแรกเมื่อ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา นอกจากนี้ประมาณวันที่ 27 มีนาคมนี้ จะมีหุ้นน้องใหม่อีกบริษัทที่จะเทรดในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai) เช่นเดียวกับ 3 บริษัทข้างต้น คือ บมจ. แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี (HTECH)
นายวิชา โตมานะ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ฟิลลิป(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหรือลีดอันเดอร์ไรต์ กล่าวว่า บมจ.แฮลเซี่ยน จะขายไอพีโอประมาณ 40.75 ล้านหุ้น กำหนดราคาไอพีโอที่ 1.50 บาทต่อหุ้น มีส่วนลดให้นักลงทุน 30 % จากอัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น(พีอี เรโช) ของตลาดเอ็ม เอ ไอ ปัจจุบันอยู่ที่ 7 เท่า เงินที่ได้จากการระดมทุนประมาณ 60 ล้านบาท จะนำไปชำระหนี้ธนาคารพาณิชย์ประมาณ 30 ล้านบาท
ทั้งนี้บมจ.แฮลเลี่ยน ประกอบธุรกิจรับจ้างผลิตและจำหน่ายเครื่องมือที่ใช้ในการตัดเฉือนโลหะ ได้ลดจำนวนหุ้นไอพีโอลงเหลือ 40.75 ล้านหุ้น จากเดิมจะขาย 60.75 ล้านหุ้น
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 16 มีนาคม ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในมุมมองนักวิเคราะห์ยังไม่สดใส โดยปรับลดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ปี 2552 เป็นติดลบ 1.8% ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ ปลายปี 252 เหลือ 495 จุด โดยคาดว่าจุดสูงสุดของปีจะอยู่ที่ 527 จุด และจุดต่ำสุดจะอยู่ที่ 348 จุด แต่จากตัวเลขผลประกอบการปีที่ผ่านมาต่ำกว่าคาด ทำให้ประมาณการอัตราการเติบโตกำไรต่อหุ้น(EPS) ของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)เป็น 5% และคาดว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกจะแตะจุดต่ำสุดภายในปีนี้ และเริ่มฟื้นตัวปีหน้า
