กลุ่มสุดารัตน์ซบภูมิใจไทยยันไม่ได้ทิ้งทักษิณ

กลุ่มสุดารัตน์ซบภูมิใจไทยยันไม่ได้ทิ้งทักษิณ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
คมชัดลึก : อภิสิทธิ์ยันไม่เคยหารือ สุเทพ-เนวินเลื่อนวันซักฟอกเร็วขึ้น ปชป. คาด ฝ่ายค้าน เตรียมงัดประท้วงรูปแบบใหม่ใช้ ศุภมาส ลั่นเข้าภูมิใจไทย ไม่เคยรับเงิน 3 - 4 แสน ระบุไม่ได้ทิ้งทักษิณ สดศรีรับดีเอไอส่งข้อมูลเงิน 258 ล้านบาทมากกต.แล้ว (18 มี.ค.) ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคฝ่ายค้านขอขยายเวลาการ อภิปราย ไม่ไว้วางใจเป็นเวลา 3 วัน ว่า เป็นเรื่องของสภาที่จะต้องตกลงกันเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา และอยากให้ดูตามความเป็นจริง ซึ่งถึงพอวัน อภิปราย จะรู้ว่าเองว่าต้องใช้เวลากี่วัน อย่าไรก็ตามขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประธานสภาผู้แทนราษฏร ซึ่งรัฐบาลไม่มีปัญหาและไม่ได้ปิดกั้นการทำหน้าที่ของพรรคฝ่ายค้าน ขณะนี้รัฐมนตรีทุกคนที่มีชื่อถูก อภิปราย และถอดถอนออกจากตำแหน่ง รวมถึงตนได้มีการอ่านญัตติการถอดถอนและเตรียมข้อมูลต่างๆ ทีเกี่ยวข้องเพื่อชี้แจงในญัตติ ขอยืนยันว่าไม่มีเรื่องอะไรเลยที่ต้องกีดกันฝ่ายค้าน เป็นเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของประธานสภา เมื่อคืนที่ผ่านมาก็ได้มีการพูดคุยกัน เมื่อฝ่ายค้านยื่นหนังสือมา ประธานสภาก็ยืนยันว่ามีภาระกิจในสัปดาห์หน้า ในเรื่องของการสรรกกต.และกรรมการสิทธิฯ จึงต้องทำให้เลือกการ อภิปราย ในช่วงนี้ เพราะไม่เช่นนั้นจะต้องเลื่อนออกไปไกลเลย ดังนั้นจึงคิดว่าช่วงนี้ดีกว่า นายอภิสิทธิ์ กล่าว เมื่อถามว่าการกำหนดวัน อภิปราย เกิดจากนายกรัฐมนตรีได้ไปหารือร่วมกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายก กับนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน พรรค ภูมิใจไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่เคยคุยกับนายเนวินเรื่องนี้เลย เพราะตนยืนยันตั้งแต่ต้นว่าต้องการให้เป็นสัปดาห์หน้า แต่ประธานสภาแจ้งว่าสัปดาห์หน้าท่านไม่สะดวก ก็ต้องเลือกเอาว่าจะเลื่อนไปไกลหรือเอาสัปดาห์นี้ ดังนั้นหากประธานสภาสะดวกสัปดาห์นี้ตนก็ไม่ขัดข้อง นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงประเด็นการ อภิปราย ของพรรคฝ่ายค้านพุ่งเป้าไปที่เงินบริจาค 258 ล้านบาท ว่า ในการประชุมส.ส.พรรคได้มีการหารือว่าหากมีการพาดพิงถึงใคร คนนี้นั้นก็ต้องชี้แจง ส่วนตัวไม่ได้ห่วงอะไรในเรื่องนี้ เพราะต้องเข้าใจว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2547 - 2548 ซึ่งไม่ใช่เรื่องบริหารราชการแผ่นดิน หากฝ่ายค้านติดใจก็สอบถามเรื่องนี้มา ส่วนใครเกี่ยวข้องก็ต้องชี้แจง ซึ่งพรรคไม่ได้ห้ามที่จะให้มีการ อภิปราย เรื่องนี้ ยื่นยันว่าหากมีประเด็นอะไรที่ทำให้สังคมไม่ไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินก็สามารถที่จะหยิบยกมาได้ ส่วนจะสมเหตุผลหรือไม่ต้องไม่ดูข้อเท็จจริงกับเหตุผลที่ต้องนำเสนอต่อที่ประชุมสภา ซึ่งเป็นหน้าที่ของพรรคฝ่ายค้านที่จะต้องตรวจสอบ เมื่อถามว่าเจตนาของการ อภิปราย เรื่องเงิน 258 ล้านบาทเพื่อต้องการปูทางนำไปสู่การยุบพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องกลับไปถามคนที่เสนอญัตติ อภิปราย ส่วนตัวนั้นไม่กังวล เพราะเรื่องทางกฎหมายก็มีขั้นตอนเช่นนี้ อยู่ในขั้นตอนของการยื่นถอดถอน หากจะมีการยื่นยุบพรรคก็ต้องว่าไปตามขั้นตอนของกฎหมาย มั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์จะชี้แจงให้สังคมเกิดความเข้าใจได้ เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ตนไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรค แต่เป็นกรรมการบริหารพรรคเพราะเป็นรองหัวหน้าพรรค เรื่องนี้มีความรับผิดชอบที่ชัดเจนว่าใครรับผิดชอบ ขณะนี้ในพรรคก็พร้อมใครมีข้อมูลอะไรก็ให้ช่วยกัน และรัฐมนตรีที่ถูก อภิปราย ก็ไม่เห็นมีใครแสดงความกังวลว่าไม่รับการสนับสนุนในเรื่องของข้อมูล ดังนั้นอยากให้ฟังคำ อภิปราย และคำชี้แจงของของรัฐบาล ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นห่วงนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศหรือไม่ ที่มีส.ส.ในพรรคเตรียมที่จะไม่ยกสนับสนุน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เห็นมีอะไร เพราะที่ผ่านมานายกษิตก็มานั่งทำงานในสภาถูกต่อว่าต่อขานนายกษิตก็ลุกขึ้นชี้แจง ก็ทำงานด้วยดีไม่เห็นมีปัญหาอะไร เมื่อถามถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส พรรคเพื่อไทยอ้างว่าขณะนี้ถูกดักฟังโทรศัพท์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายให้ใครทำแบบนั้น เพราะในช่วง อภิปราย ไม่ไว้วางใจมักจะมีข่าวลือเยอะ จึงอยากให้ทุกคนได้หนักแน่น ทำหน้าที่ของตัวเอง รัฐบาลมีหน้าที่ชี้แจงก็พร้อมที่จะชี้แจง คนมีหน้าที่ อภิปราย ก็ต้องเตรียมทำหน้าที่ สดศรีรับดีเอไอส่งข้อมูลเงิน 258 ล้านบาทมากกต.แล้ว

นางสดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ยอมรับกรมสืบสวนคดีพิเศษ( ดีเอสไอ ) ได้ส่งพยานสำนวนข้อมูลหลักฐาน กรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท และเงินกองทุนพรรคการเมืองจำนวน 25 ล้านบาท ที่ใช้ผิดประเภทของพรรคประชาธิปัตย์มายังกกต.จริง ปธ.สภายันไม่เพิ่มเวลาให้ฝ่ายค้าน อภิปราย รัฐบาล นายวิทยา บูรณศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านยื่นขอขยายระยะเวลาการ อภิปราย ไม่ไว้วางใจเพิ่ม จากที่กำหนดไว้ 19 - 20 มี.ค. และลงมติในวันที่ 21 มี.ค. ว่า นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ทำหนังสือตอบกลับมาแล้ว โดยยืนยันว่าไม่สามารถที่ขยายเวลาในการ อภิปราย ให้ได้ และยืนยันตามกำหนดเวลาเดิม แต่หากฝ่ายค้านต้องการที่จะขอเพิ่มเวลาการ อภิปราย ก็ขอให้ใช้สิทธิ์ตามข้อบังคับที่ 21ในที่ประชุมสภาฯ ซึ่งในวันนี้ (18 มี.ค) ฝ่ายค้านจะมีการหารือและจะขอใช้สิทธิ์ตามข้อบังคับที่ 21 ในที่ประชุมสภาฯ วันนี้เลย เพื่อไม่ให้เสียเวลาในการ อภิปราย ที่จะมีในวันพรุ่งนี้

นายวิทยา กล่าวต่อว่า ส่วนเนื้อหาในการ อภิปราย ที่อาจมีการพาดพิงรัฐมนตรีนอกเหนือจากรายชื่อที่ยื่น อภิปราย ไว้นั้น ยืนยันว่าฝ่ายค้านจะพยายามไม่ให้กระทบคนนอก แต่หากมีความเกี่ยวโยงกับประเด็นที่ อภิปราย ก็ถือเป็นเรื่องที่ต้องเข้าใจ ปชป.แฉ ฝ่ายค้านเตรียมงัดประท้วงรูปแบบใหม่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะทำงานประสานงานข้อมูล อภิปราย ไม่ไว้วางใจพรรคร่วมรัฐบาล กล่าวภายหลังการประชุมว่า คณะกรรมการได้แบ่งทีมงาน 3 ส่วน คือ 1.ทีมงานด้านข้อมูลเชิงวิชาการ 2.ทีมงานเชิงยุทธศาสตร์ในสภา 3. ทีมงานแถลงข่าวเสริมข้อมูลของรัฐมนตรีที่ถูก อภิปราย ทั้งนี้คณะทำงานได้ประเมินญัตติ อภิปราย แล้วคิดว่าญัตติอาจมีการพาดพิงถึงรัฐมนตรีอีก 10 คน นอกเหนือจากนายกรัฐมนตรี และ 5 รัฐมนตรี ซึ่งคณะทำงานได้ประสานไปยังรัฐมนตรี ทั้ง 10 คน แม้ไม่มีรายชื่อก็ต้องเตรียมข้อมูลไว้ชี้แจอย่างไรก็ตามจะเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้าน อภิปราย เต็มที่ โดยจะไม่มีการประท้วงโดยไม่จำเป็น ซึ่งจะใช้การประท้วงในรูปแบบใหม่ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ต้องติดตามการ อภิปราย ในสภา สุเทพยันข่าวปล่อยลูกพรรคแอบส่งข้อมูลให้ฝ่ายค้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีส.ส.พรรคประชาธิปัตย์นำข้อมูลไปให้ฝ่ายค้านในการ อภิปราย ไม่ไว้วางใจ ว่า ไม่จริง และเป็นไปไม่ได้ ข่าวดังกล่าวไม่น่าเชื่อถือ เมื่อถามต่อว่าร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ระบุว่า อภิปราย ตอนเช้า พอบ่าย 2 โมงก็สามารถน็อครัฐบาลได้แล้ว นายสุเทพ หัวเราะก่อนที่จะตอบว่า สื่อเชื่อหรือเปล่าล่ะ อย่าไปวิจารณ์เขาเลย ถ้าผมตอบเดี๋ยวเขาโกรธเอา แต่ก็เอาเถอะ ทำไป ใครมีหน้าที่อย่างไรก็ทำไป ให้อยู่ในกฎเกณฑ์ กรอบกติกาก็แล้วกัน เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้แค่ไหนเรื่องข่าวการวางแผนตากสินของพรรคเพื่อไทยกับกลุ่มเสื้อแดงเพื่อให้นำไปสู่การโค่นล้มรัฐบาล นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่สามารถวิเคราะห์ได้ แต่เห็นว่าสิ่งที่เขาทำเป็นขบวนการ มีขั้นตอนที่สอดรับต่อเนื่องกัน และมีเป้าหมายที่มุ่งมาที่รัฐบาลเป็นการเฉพาะ มีการขัดขวางไม่ให้รัฐบาลทำหน้าที่ได้โดยสะดวก ซึ่งการทำอย่างนี้ทำให้ประเทศชาติและประชาชนเสียหาย อย่างไรก็ตามตนไม่อยากพูดอะไรมาก ถ้าเห็นอะไรมากกว่านี้ค่อยมาว่ากัน เมื่อถามว่าจะเป็นสงครามกลางเมืองอย่างที่นายเทพไท เสนพงษ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์พูดหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนจะยังไม่พูดอะไรไปเกินกว่าเหตุ ขอพูดตามสถานการณ์ เมื่อถามว่าแสดงว่ามีแผนตากสินจริงใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ แต่เห็นว่าสิ่งที่เขาทำเป็นขบวนการ ตนสันนิษฐานได้ว่าทั้งหมดต้องมีแผนการ

นายสุเทพ ยังกล่าวถึงกระแสข่าวไปกินข้าวกับนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ร้านอาหารย่านวัดเสมียนนารี เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ข่าวอย่างนี้ทีหลังมาถามผมได้เลย มีคนปล่อยข่าวว่าผมไปเจอและทานอาหารกับคุณเนวินที่ร้านแถววัดเสมียนนารี ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย ผมไม่ได้ไปร้านนี้มานานแล้ว ผมเพิ่งเจอกับคุณเนวินเมื่อคืนนี้(17 มี.ค.)ในงานวันเกิดนายสรอรรถ กลิ่นประทุม ที่ จ.ราชบุรี และก็ไม่ได้คุยอะไรกัน เพียงแต่ทักทายกันธรรมดา เพราะนั่งกันคนละฟากโต๊ะ เมื่อถามว่ามีข่าวว่ามีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีนั่งคุยอยู่ด้วย นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เป็นความจริงเลย ปล่อยข่าวเป็นตุเป็นตะ ยิ่งท่านนายกฯก็ยิ่งไม่ได้เจอกับคุณเนวินเลย และก็ไม่มีเรื่องที่ต้องมาปรึกษาหารืออะไรด้วย ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงประกาศเลื่อนการชุมนุมมาเป็นวันที่ 22 มี.ค.นี้ นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีแผนหรือสั่งการให้ตำรวจรับมืออะไร เพราะยังไม่รู้ว่ากลุ่มเสื้อแดงจะไปที่ไหน และทำอะไร อย่างที่บอกไปแล้วว่าหากชุมนุมกันโดยไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย เราก็ไม่ทำอะไรเขา เมื่อถามว่าในวัน อภิปราย ต้องให้ตำรวจเตรียมรับมืออะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ต้องสั่งการอะไร เพราะเจ้าหน้าที่เขาต้องดูแลตามปกติอยู่แล้ว และก็ยังไม่มีรายงานข่าวว่าจะมีการก่อเหตุอะไรเข้ามาเลย

จตุพรย้ำชุมนุมนปช.เชียงราย-เชียงใหม่ ทักษิณ โผล่วิดีโอลิงค์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช. กล่าวถึง การ อภิปราย ไม่ไว้วางใจวันที่ 19 -20 มี.ค.ว่า เวลาน่าจะไม่พอ เพราะการ อภิปราย แค่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯคนเดียวก็ใช้เวลามากแล้ว ฝ่ายวิปรัฐบาลน่าที่จะขยายเวลาให้อีกเเละควรนึกถึงตอนที่เป็นฝ่ายค้านบ้าง ซึ่งหลักฐานการ อภิปราย ครั้งนี้จะมีเอกสารการ อภิปราย ที่ไม่ซ้ำกัน ไม่เน้นไปที่เรื่องส่วนตัว รัฐบาลอย่าจัดองค์รักษ์หรือประท้วงในที่ประชุมให้มากตามที่ประกาศไว้แล้ว รับรองว่า นายอภิสิทธิ์ จะจอดตั้งแต่การ อภิปราย ของร.ต.อ.เฉลิม อบู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน ที่ อภิปราย เป็นคนเเรกและตนในลำดับที่สองแน่นอน นายจตุพร กล่าวอีกว่า ส่วนการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่กำหนดไว้ว่าจะชุมนุมที่ กทม.ในวันที่ 29 มี.ค.นั้น ก็น่าจะเลื่อนเข้ามาให้เร็วขึ้น วันนี้น่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน แต่การชุมนุมจะเกิดหลังการ อภิปราย เสร็จสิ้นลงเพราะต้องการให้ประชาชนรับข้อมูลให้ครบทุกด้าน อีกทั้งวันที่ 30 มี.ค.-7 เม.ย. จะมีการจัดงานกาชาดบนถนนราชดำเนิน นปช.ก็จะเลื่อนการชุมนุมเข้ามา ส่วนจะเป็นวันและเวลาใด แกนนำนปช.จะประชุมเพื่อหาข้อสรุปอีกทีว่าจะชุมนุมเมื่อใด วันไหนทั้งนี้ นปช.จะจัดชุมนุมที่จ.เชียงราย วันที่ 21 มี.ค.และ วันที่22 มี.ค.จะจัดการชุมนุมที่ จ.เชียงใหม่ตามเดิม โดยพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร จะวิดีโอลิงค์ ชนิดแบบเห็นภาพและเสียง เข้ามาทุกที่ ส่วนการตรวจค้นอาวุธ ของผู้ชุมนุมที่สนามหลวงนั้น ขอให้ตำรวจพิสูจน์ ให้ได้ก่อน ว่าเป็นของใคร และก็ว่าไปตามกระบวนการ ขณะที่การลอบวางระเบิดสาขาพรรคประชาธิปัตย์ จ.สุราษฏร์ธานีนั้น นายสุเทพ อย่าเล่นบทดาวพระศุกร์ให้มาก เพราะตรงนั้นเป็นบ้านของนายสุเทพ ใครจะไปทำอะไรได้ นายจตุพรกล่าว ศุภมาสลั่นเข้า ภูมิใจไทย ไม่มีเรื่องเงินมาเอี่ยวอ้าง น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกระแสข่าวส.ส.กลุ่มคุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ย้ายมาพรรค ภูมิใจไทย ว่า ตนได้ลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย และย้ายออกมาอยู่กับพรรค ภูมิใจไทย ได้ช่วงหนึ่งแล้ว เช่นเดียวกับน.ส.ศิลัมพา เลิศนุวัฒน์ และได้ไปร่วมประชุมพรรค ภูมิใจไทย เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่โรงแรมสยามซิตี้ ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจส่วนตัวไม่ได้บอกคุณหญิง สุดารัตน์ เลย เพราะเห็นว่าได้ยื่นลาออกจากพรรคเพื่อไทยแล้ว เจ้าหน้าที่พรรคก็คงไปแจ้งทางผู้ใหญ่เอง เนื่องจากตนตัดสินใจย้ายพรรคแล้วไม่อยากเปลี่ยนความตั้งใจ ซึ่งหากไปแจ้งกับทางผู้ใหญ่ก่อนก็อาจถูกยับยั้งไว้ อย่างไรก็ดีผู้ใหญ่หลายคนคงเข้าใจดี โดยตนมาอยู่กับพรรค ภูมิใจไทย เพราะเห็นว่าเป็นสีน้ำเงิน เป็นกลาง จะช่วยลดความขัดแย้ง เพราะไม่ใช่สีแดง หรือสีเหลือง ทั้งนี้ น.ส.ศุภมาส ย้ำด้วยว่า การย้ายพรรคมาไม่เกี่ยวกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยชักชวน ซึ่งนายอนุทินเป็นนายเก่าก็คุยกันอยู่บ้าง และการมาอยู่พรรค ภูมิใจไทย ไม่ใช่เพราะไน 300,000 - 400,000 บาท หรือมีการเสนอตำแหน่งผลประโยชน์อะไรอย่างที่ทางพรรคเพื่อไทยบางคนออกมาพูด เพราะตนเคยทำงานสายบริหารทั้งเลขานุการรัฐมนตรี ที่ปรึกษา รองเลขานายกฯ ก็เคยทำมาแล้ว ไม่คิดจะมารับตำแหน่งอะไร ส่วนที่จะให้ตนมาทำหน้าที่รองโฆษกพรรค ภูมิใจไทย นั้น เพราะมีประสบการณ์เป็นรองโฆษกพรรคไทยรักไทยมาก่อน ซึ่งตนลาออกจากพรรคเดิมแล้ว ยอมรับว่าอยู่ที่เก่าทำงานลำบาก เราก็สู้กับพรรคมา 10 ปีแล้ว ไม่ได้ทิ้งพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถ้าทิ้งจริงคงย้ายไปอยู่พรรคประชาธิปัตย์แล้ว เพราะมีฐานเสียงจัดตั้ง แต่กลุ่มคนที่สนับสนุนเราเป็นกลางไม่อยากให้อยู่กับสีแดงหรือเหลือง เราไม่ได้ไปชักชวนคนในพรรคเพื่อไทยให้มาด้วย เพราะถ้าใครจะมาก็คงมีวุฒิภาวะตัวเอง มาด้วยอุดมการณ์ และกลไกพรรค ภูมิใจไทย ที่จะลดขัดแย้งในสังคม เราไม่ได้มาเพราะผลประโยชน์เพิ่ม หากมาแล้วได้ 3 - 4 แสนคงมากันหมดแล้ว อดีตส.ส.พรรคไทยรักไทยกล่าว ขณะที่ น.ต.ศิธา ทิวารี อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นคนใกล้ชิด คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กล่าวถึงกระแสข่าว คุณหญิง สุดารัตน์ เตรียมจับมือกับนายเนวิน ชิดชอบ เพื่อทำงานทางการเมือง ว่า การจากเช็คจำนวน ส.ส.ของ กลุ่มกทม.พรรคเพื่อไทย ไม่มีใครย้ายไปร่วมกับพรรค ภูมิใจไทย มีเพียงน.ส.ศุภมาส อิศรภักดี อดีตส.ส.กทม.พรรคไทยรักไทยที่ไปร่วมงานกับพรรค ภูมิใจไทย เพราะมีความใกล้ชิดสนิมสนมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล แกนนำพรรค ภูมิใจไทย อย่างไรก็ดีตนยืนยันว่าคุณหญิง สุดารัตน์ ไม่มีปัญหาอะไรกับพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และส.ส.ในกลุ่มก็พร้อมทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยต่อไป ส่วนกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ออกมาระบุว่า คุณหญิง สุดารัตน์ พร้อมร่วมงานกับพรรค ภูมิใจไทย นั้น น.ต.ศิธา กล่าวว่า สิ่งที่นายสนธิ ระบุ เป็นตีเกาะเคาะกะลาเพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์หันมากลับมามอง เพราะเห็นว่าช่วงที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ ละเลยกลุ่มพันธมิตรฯ และปล่อยแกนนำ อาจจะต้องถูกดำเนินคดีในเรื่องการปิดสนามบินและสถานที่ราชการ ดังนั้นตนจึงอยากเรียกร้องนายสนธิอย่าดึงคนอื่นเข้ามาร่วมในการเรียกร้องความสนใจครั้งนี้ เมื่อถามว่า คุณหญิง สุดารัตน์ มีความขัดแย้งกับนายเนวินหรือไม่ น.ต.ศิธา กล่าวว่าไม่มีความขัดแย้งกัน โดยเฉพาะวัตถุประสงค์ของงานไม่มีปัญหา แต่ความคิดเห็นอาจจะแตกต่างกัน เพราะบางคนอาจชอบใช้วิธีฮาร์ดคอร์ ขณะที่อีกคนใช้วิธีแบบซอฟต์ ส่วนในอนาคตจะทำงานด้วยกันได้หรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะเหลือเวลาการตัดสิทธิ์ทางการเมืองอย่างน้อย 3 ปี การร่วมงานกับพรรค ภูมิใจไทย นั้น ก็ไม่รู้จะไปได้หรือไม่ เพราะเป็นพรรคใหม่ที่ยังไม่ผ่านการเลือกตั้ง และที่ผ่านมาพรรคการเมืองที่อยู่ตรงข้ามกับพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็จะไปไม่รอด จะต้องถูกยุบพรรคการเมือง มีเพียงพรรคการเมืองที่ยอมศิโรราบเท่านั้นที่อยู่ได้น.ต.ศิธา กล่าว สุเทพปัดวิจารณ์ข่าวก๊วน สุดารัตน์ ซบ ภูมิใจไทย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า ส.ส.ในกลุ่มของนาง สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย จะย้ายเข้าสังกัดพรรค ภูมิใจไทย ว่า ยังไม่ได้ยินข่าวนี้ จึงวิจารณ์ไม่ได้ และไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของเขา เมื่อถามว่านายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยระบุว่าถ้านาง สุดารัตน์ ไปรวมกับพรรค ภูมิใจไทย จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ถูกโดดเดี่ยว นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นทัศนะของนายสนธิ ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลไม่จำเป็นต้องมาคุยกัน เพราะเป็นเรื่องภายในของแต่ละพรรคที่ต้องจัดการกันเอง

ชวรัตน์ปูดหลังซักฟอกมีงูเห่าซบ ภูมิใจไทย นายชวรัตน์ ชาญวีระกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค ภูมิใจไทย กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงาน กรณีที่มีข่าวว่า คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ และน.ส.ศิรัมภา เลิศนุวัฒน์ อดีตส.ส.พรรคไทยรักไทย จะย้ายเข้าสังกัดพรรค ภูมิใจไทย แต่เบื้องต้น น.ส.ศุภมาศ อิสระภักดี อดีต ส.ส.ไทยรักไทย เข้ามาอยู่กับพรรคแล้ว โดยจะมอบหมายให้ทำหน้าที่รองโฆษกพรรค นายชวรัตน์ กล่าวต่อว่า เรื่องการตั้ง 12 ส.ส.ของพรรคเพื่อเข้ามาช่วยดูแลข้อมูลให้กับตนและนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทยในการ อภิปราย ครั้งนี้ ได้ผ่านการพิจารณาในที่ประชุมพรรคแล้ว และยังมั่นใจจะชี้แจงได้ทุกประเด็น เพราะเป็นเรื่องที่ทำมาอยู่แล้ว ส่วน ส.ส.พรรคจะยกมือโหวตอย่างไร ให้ถือเป็นเอกสิทธิ์ของส.ส. ไม่มีการสั่งการ การโหวตลงคะแนนเสียงไว้วางใจรัฐมนตรี ไม่ใช่เป็นการชี้วัดว่า ส.ส.จะมาเข้าร่วมพรรค แต่อาจมีความเป็นไปได้ว่าหลังการ อภิปราย จะมีสส.บางส่วนสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบว่ามีใครบ้าง บุญจงไม่ขัด สุดารัตน์ ซบ ภูมิใจไทย ที่กกต. นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ในฐานะแกนนำพรรคภูใจไทย ได้กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวที่นาง สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ อดีตกก.บห.พรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง จะมาเข้าร่วมกับพรรค ภูมิใจไทย ว่า ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มี แต่หากใครจะมาเข้าร่วมกับทางพรรคเราก็ไม่ปฏิเสธ แต่ทุกอย่างต้องนำเข้าที่ประชุมกก.บห.พรรค และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับการประสานเข้ามา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง ชวนยันปปช.เปิดช่องผู้ถูกชี้มูลนำหลักฐานมาหักล้างสลายม็อบได้ เปิดเบื้องหลังย้ายบิ๊กมหาดไทย28ราย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook