ประดิษฐ์เดิมพันตน.การเมือง ถ้าพบผิดจริงพร้อมสละ
นายประะดิษฐ์ กล่าวชี้แจงว่า เงิน 3 ส่วนหลักที่เลขาธิการพรรคจะเข้าไปรับรู้ คือ 1.เงินอุดหนุนของกกต. 2. เงินบริจาคที่มีผู้สนับสนุนพรรค และ 3.เงินที่มาจากการจัดกิจกรรมระดมทุนของพรรค ทั้งนี้ ระหว่างที่ตนดำรงตำแหน่งเลขาฯ พรรค เม.ย.46-ก.พ.48 ตนได้บริหารเงินของพรรคตามระเบียบกกต. ถูกต้องโดยเฉพาะเงิน 3 ส่วนหลัก ขณะเดียวกัน ปชป.ก็ได้จัดทำบัญชีและตรวจสอบจากผู้ได้รับอนุญาติ และสุดท้ายก้ได้รับการรับรองจาก กกต. รวมถึงจัดทำงบประจำปซึ่งทุกพรรคการเมืองก็ตรวจสอบแบบนี้
นายประดิษฐ์ได้ใช้ เอกสารเพื่อประกอบการชี้แจง ซึ่งเป็นรายการการใช้จ่ายเงินทั้งรายบรับรายจ่ายของพรรค ซึ่งได้รับการตรวจสอบมาตรฐานบัญชีอย่างถูกต้อง โดยระบุว่า การตรวจสอบบัญชีปี 2547 ถูกต้องทุกอย่าง รวมถึงเอกสารที่แสดงถึงการตรวจเอกสารงบปี 48 ซึ่งต่อมาหลักฐานเหล่านี้ได้ถูกจัดพิมพ์ลงในงบการเงินของพรรคประชาธิปัตย์ปี 47 และ 48 ตนและผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง ต่อมาตนก็ได้ลาออกจากเลขาพรรคและลาออกจากสมาชิกปชป. ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารพรรคประชาธิตย์อีกเลย
นายประดิษฐ์ กล่าวอีกว่า เอกสารงบการเงินปชป.ที่ใช้จ่ายในการเลือกตั้งถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ สามารถตรวจสอบได้ รวมถึงยืนยันว่า ปชป. ไม่เคยได้รับเงินบริจาคจำนวนดังกล่าวไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ทั้งผู้บริหารก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้บริจาค เนื่องจากบ.ดังกล่าวเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ สามารถตรวจสอบได้ รวมทั้งปฏิเสธ ที่ถูกกล่าวหาว่า ตนเอง นายประจวบ สังขาว เจ้าของบริษัทเมซไซอะ นายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.พรรคประชาธิตย์ และนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ที่โรงแรมเพรสซิเด้นท์ ว่าไม่เป็นความจริง ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่า นายธงชัย คลศรีชัย เป็นญาติ แต่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับพรรค
อย่างไรก็ตาม นายปษฐ์ กล่าวว่า ตั้งแต่ตนเข้ามาทำงานการเมืองก็ไม่ได้ยุ่งธุรกิจอะไรอีกเลย เกรงว่า จะมีคนหาว่า มีผลประโยชน์ทับซ้อน และขอยืนยันว่า หากพบภายหลังว่า ตนเข้าไปมีส่วนตามที่ผู้อภิปรายกล่าวหา หากศาล หรือหน่วยงานชี้มูลว่า ตนกระทำความผิด ตนยินดีที่จะยุติบทบาทและหน้าที่ทางการเมือง ไม่จำเป็นต้องให้กระบวนการยุติธรรมตัดสิน ทั้งนี้ ที่ตนกล้าเอาประกันชีวิตการเมืองเพราะมั่นใจในความบริสุทธิ์ ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลตนไม่เคยมีพฤติกรรมทุจริต ทั้งนี้ การอภิปรายไม่เกี่ยวข้องกับการบีริหาราชการแผ่นดิน ทั้งๆที่ เวลานี้ เป็นสิ่งที่ต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาบ้านเมืองให้กับประชาชนมากกว่า เพราะกำลังประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจ
ที่ผ่านมา จากการลงพื้นที่ ได้พบกับนักลงทุนชาวญี่ปุ่น โรงงานแห่งหนึ่ง ได้ถามว่า นักลงทุนอยากให้รัฐบาลช่วยอะไร เขาบอกว่า อยากให้การเมืองสงบสักที ดังนั้น วันนี้ อยากจะให้ทุกคนได้ร่วมแรงร่วมใจแก้ไขปัญหาของประเทศจะดีกว่า