ซักฟอกรบ.วันสองไม่เห็นเฉลิมทั้งวัน กษิตไม่อายร่วมพธม.ต้านแม้ว ตั๋วบินฟรีให้โควต้าช่วยนร.ไทย

ซักฟอกรบ.วันสองไม่เห็นเฉลิมทั้งวัน กษิตไม่อายร่วมพธม.ต้านแม้ว ตั๋วบินฟรีให้โควต้าช่วยนร.ไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กษิตไม่รู้สึกละอายเข้าร่วมพธม.-เคยฝันสลายกับแม้ว แจงไม่ได้ทะเลาะกับพระ-ตาพิการต้องใส่แว่นดำ ขอตั๋วบินฟรีให้โควต้าช่วยนร.ไทย คุณหญิงกัลยาถามโผล่ม็อบพันธมิตรฯ หนักหัวใคร กมธ.ทหาร เล็งสอบเอาผิดมือดีนำคลิปตัดหัวไปให้ฝ่ายค้าน สมคิดอัดกษิตทำประเทศฉิบหายโดนประท้วงวุ่น ส.ส.ใหม่เชียงรายอภิปรายอัดรมว.ต่างประเทศ อภิปรายวันที่สองเฉลิมหายไม่โผล่ทั้งวัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจตลอดวันนี้ (20 มีนาคม) ซึ่งเป็นวันที่สอง กลับไม่ปรากฏว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ที่อภิปรายเป็นคนแรกในประเด็นเงิน 258 ล้านบาทและเงินจากกกต.จำนวน 23 ล้านบาทแต่อย่างได้เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ทั้งที่ช่วงเช้าเป็นการชี้แจงประเด็นดังกล่าว โดยนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.สัดส่วน และนายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)

กษิตไม่รู้สึกละอายเข้าร่วมพธม.-เคยฝันสลายกับแม้ว

นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจกรณีที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ว่า ไม่เคยได้รับเชิญไปวางแผนใดๆกับกลุ่มพันธมิตรฯ ทั้งสิ้นแต่ได้รับเชิญให้ไปพูดในฐานะนักวิชาการ ไม่เคยไปนอนค้างเพื่อปราศรัยจบก็กลับบ้าน สาเหตุที่ต้องไปเพราะใครก็ตามที่มีอุดมการณ์การต่อสู้ ต่อต้านการทุจริตมิชอบ ต่อสู้เผด็จการในรัฐสภา นโยบายพรรคเดียวครอบงำทุกสิ่งทุกอย่าง ด้วยเหตุนี้จึงต้องออกมาต่อสู้ และสู้มาทั้งชีวิต

ผมพร้อมเคลื่อนไหวใดๆก็ตามที่จะต่อต้านสิ่งเผด็จการ ไม่รู้สึกละอายใดๆทั้งสิ้นในที่แจ้ง เพื่อต่อต้านระบอบทักษิณ ไม่ให้กลับมาครองเมืองอีก ผมมีความเป็นสหายกับพ.ต.ท.ทักษิณ สนิทกันมากกว่าใครหลายคนในห้องนี้ มีโอกาสได้รับเชิญให้มาเป็นที่ปรึกษาสมัยที่เป็นทูตในต่างประเทศและคิดว่าจะร่วมอุดมการณ์กันได้ในฐานะผู้นำที่ผมเชื่อว่าจะนำประเทศไปสู่ผู้นำเอเซียแปซิฟิก แต่ก็เป็นเพียงแค่ความฝันของผม เพราะตอนที่ผมไปเป็นทูตประจำที่ประเทศญี่ปุ่นขณะที่กำลังจะสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ ผมได้ยินเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับความไม่ชอบ จากนั้นมาผมจึงได้ร่วมอุดมการณ์กับหลายองค์กรเพื่อต่อสู้ รวมทั้งการเข้ากับกลุ่มพันธมิตรด้วย นายกษิต

นายกษิต กล่าวต่อว่า วันนี้อยู่ในคณะรัฐมนตรี ที่มีนายกรัฐมนตรีชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะทำงานเป็นทีมอยู่ในวินัย บัญญัติ 9 ประการขอน้อมรับและปฏิบัติต่อไป เพื่อช่วยในการขับเเคลื่อนนโยบายให้ก้าวหน้าอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรีและสง่างาม เป็นนายกรัฐมนตรีที่ใครก็นับถือและเป็นที่ยอมรับในเวทีทุกระดับที่ต้องช่วยกันส่งเสริมให้ประเทศชาติมีความเจริญทั้งวัตถุและธรรมาภิบาลด้วย เหมือนกับที่เคยฝันกับนายกฯทักษิณ

ผมเป็นทูตมา 5 ประเทศ และเอาพนักงานงาน ข้าราชการที่ทุจริตออก ประพฤติมิชอบ ดังนั้นจึงเป็นที่มาของการรังเกียจ ผมยึดมั่นอย่างเดียวว่าสถานทูตต้องสง่าง่ามทูตต้องสง่างาม มีข่าวลือการซุบซิบนินทา น่าสงสาร ส.ส.ที่จบนอกมาไปฟังข่าวนินทามา ผมเป็นทูตที่ได้รับครุฑทองคำที่ไม่ได้มาง่ายๆ นายกษิต กล่าว

ยันไทย-เขมรสัมพันธ์ดี ย้ำคุยใช้เวลาอย่าใจร้อน นายกษิต ภิรมย์ กล่าวชี้แจง กรณีพื้นที่พิพาทบริเวณปราสาทพระวิหารระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา ว่า ได้มีการติดต่อกับสมเด็จฮุนเซ็น ผู้นำกัมพูชา และนายฮอร์ นัม ฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งในระดับทหาร ก็มีการเจรจากันอยู่ ยืนยันว่าทั้ง 2 ประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อย่างไรก็ตาม การเจรจาเพื่อหาทางออกข้อพิพาทพื้นที่ทับซ้อนต้องใช้เวลา ใจร้อนไม่ได้ ไม่ใช่ของง่าย ต้องคิดถึงประวัติศาสตร์ การสู้รบนั้นง่าย แต่คนที่สูญเสียคือประชาชน ตราบใดที่การเจรจาไม่แล้วเสร็จ กองทัพก็ยืนยันจะรักษาดินแดนเต็มที่ ไม่เสียดินแดนแม้แต่นิดเดียว

เราจะเจรจาด้วยสันติ ไม่รีบร้อน ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน อำนาจอธิปไตยของเราจะไม่สูญเสีย กองทัพของเรามั่นคงนายกษิตกล่าว และว่า หมู่เกาะเล็กๆ ซึ่งเป็นข้อพิพาทระหว่างประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ยังต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะตกลงกันได้ ต้องทำแบบค่อยทำค่อยไป เช่นเดียวกันประเทศไทยกัมพูชา ต้องใช้ข้อมูลกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมา ไม่บิดเบือน และไม่ใช้ผลประโยชน์การเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง

อะไรที่รัฐบาลนี้จะทำเพื่อกระชับความสัมพันธ์กับกัมพูชาได้ รัฐบาลนี้จะทำเต็มที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

กษิตแจงไม่ได้ทะเลาะกับพระ-ตาพิการต้องใส่แว่นดำ

นายกษิตภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวชี้แจง ถึงเรื่องการบริหารสถานทูต อยากจะเล่าให้ฟังว่า ได้ทำอะไรบ้าง ตนเป็นทูตดูแลธรรมทูต ดูแลวัดไทยในต่างประเทศ เห็นปัญหาและได้เขียนออกมาเป็นเอกสารให้คณะสงฆ์ในสหรัฐอเมริกาและที่ไทยว่าอะไรต้องได้รับการแก้ไขปรับปรุง และได้รับอีเมลมาชมและต่อว่าจะบอกว่าทะเลาะเบาะแว้งคงไม่ใช่แค่เป็นเพราะการต่างความคิด ส่วนเรื่องตั๋วเครื่องบินที่จัดโควต้าให้เด็กนักเรียนไทยในราคาย่อมเยาว์กลับมาประเทศได้ ส่วนเรื่องรูปภาพโปสเตอร์ที่ใส่แว่นตาดำที่ดูไม่ดีเหมือนมาเฟียนั้น ขอชี้แจงว่าหมอบังคับให้ใส่แว่นตาดำเพราะว่าพิการตามาตั้งแต่กำเนิด บางครั้งลืมตัวลืมถอดแว่นตาออกมิได้มีเจตนาให้เกิดความไม่เหมาะสมแต่อย่างใด ขอให้เว้นคนพิการทางสายตามาตั้งแต่กำเนิด

คุณหญิงกัลยาถามโผล่ม็อบพันธมิตรฯ หนักหัวใคร เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวขอใช้สิทธิ์พาดพิง หลังถูก นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ระบุเช็คช่วยชาติอาจเอื้อประโยชน์ธนาคารกรุงเทพ ว่า นามสกุลโสภณพนิชเกี่ยวข้องกับธนาคารกรุงเทพ จึงเกี่ยวข้องกับการออกเช็คช่วยชาติเอื้อกันอย่างนั้นหรือ ทั้งที่ครอบครัวโสภณพานิช ทำงานเอื้อประโยชน์ให้ประเทศตลอด อยู่ในการควบคุมของตลาดหลักทรัพย์

จะรับงานไม่เกี่ยวกับนามสกุลโสภณพนิช อย่ากล่าวหาคนอื่นเลื่อนลอย ไม่มีหลักฐาน คิดจินตนาการไปเอง ไม่มีประโยชน์กับใคร คุณหญิงกัลยากล่าว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า ส่วนเรื่องที่ตนไปอยู่ในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น เป็นสิทธิ์อันชอบธรรม ต้องขออนุญาตใครหรือไม่ ตนไม่ได้สร้างปัญหาให้ใครหรือธุระของใคร

อยากจะพูดว่า มันหนักหัวใคร ถ้าดิฉันจะพูดถึงนามสกุลจันทรรวงทองบ้างได้หรือไม่ คุณหญิงกัลยา กล่าว

เด็กแม้วอัด2หนุ่มทำศก.ย่อยยับ บริหารผิดพลาด

เมื่อเวลา 14.05 น. วันที่ 20 มีนาคม นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยมุ่งเป้าไปที่นายอภิสทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เพราะเป็นคนที่ดูแลทีมเศรษฐกิจ ว่า ต้องขออนุญาตใช้คำว่าเด็กหนุ่ม 2 คน ที่กำลังบริหารประเทศทำให้ถังแตก ขอกล่าวหาตามประเด็นดังนี้ 1.บริหารงานผิดพลาด ประมาท ทำให้ไทยถังแตก 2.บริหารงานแบบหน้ามืด สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน เพื่อประโยชน์แก่พรรคและพวกตัวเอง 3.สร้างหนี้กู้ยืมเอาประเทศไทยไปจำนำจนมีหนี้สินล้นพ้นตัว 4.บริหารงานอย่างไร้ประสิทธิภาพพ ไร้ความรู้ความสามารถ ทำคนจน 23 ล้านคน เกษตรกร 24 ล้านคน รอความตายทุกข์ทรมาณมีหนี้สินพอกพูน

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า นายกฯ มักจะพูดเสมอว่ามาถูกทางแล้ว แต่ที่ผ่านมากลับทำให้ประเทศไทยขาดดุลงบฯ ปี 2552 ถึง 347,060.5 ล้านบาท โดยเร็วๆ นี้จะมีการแก้ไขกฎหมาย ใน มาตรา 21 พ.ร.บ.บริหารหนี้สาธารณะ เพื่อให้สามารถกู้เงินเพิ่มขึ้นได้ รวมไปถึงแก้ มาตรา 22 พ.ร.บ.เดียวกัน โดยหวังที่จะสามารถกู้เงินต่างประเทศได้เป็น 10% ของงบฯ ประจำปี เพื่อเพิ่มเพดาเงินกู้ โดยหวังที่จะกู้ถึง 1.5 แสนล้าน แน่ใจว่าไม่นานจะต้องมีการนำเข้าสู่สภาแน่ นอกจากนี้เมื่อวันพุธ (18 มี.ค.)

ส.ส.เชียงใหม่ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาก็มีการผลักดัน พ.ร.บ.ขั้นตอนและวิธีการจัดทำหนังสือสัญญา พ.ศ. ... แสดงว่าจะไปกู้เงินอีก ซึ่งผิดต่อมาตรา 190 ที่ไม่อนุญาตให้นทำ ฝ่ายค้านก็ขอให้ถอนไป สุดท้ายนายกฯ ต้องยอมถอน ขายหน้าเขาหรือไม่ ที่เอากฎหมายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญเข้าสภา เพื่อมากู้เงินเพิ่ม ซึ่งจะทำให้ประเทศถังแตกเข้าไปอีก ทำประเทศเป็นหนี้สิน เมื่อสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ (ชินวัตร) สิสามารถบริหารจนสามารถใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้

เมื่อเก็บภาษีไม่ได้ตามเป้า ก็จะไปเก็บภาษีบาป อย่างเหล้า ชา กาแฟ สถานบันเทิง ตรงนี้กระทบคนจน ไม่มีเหล้าให้ประชาชนคนจนได้กื่มกัน ก็อจจะไปหันไปกินยาบ้าแทน เหล้าบางครั้งก็เป็นประโยชน์ ถ้าจะคิดอะไรก็ขอให้รอบคอบ ขอให้ละอายใจกันบ้างหรือ นายสุรพงษ์ กล่าวและว่า แล้วยังมีการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพิ่มซึ่งทำให้ประชาชนเดือดร้อนมาก ส่งผลต่อราคาปุ๋ยยูเรียให้พุ่งสูงขึ้นอีก

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า อยากจะแก้กฎหมายเอาของกลางจากคดีหวยบนดิน 1.7 หมื่นล้านมาใช้ จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ แต่แทนที่จะกล้าตัดสินใจทำไมไม่เอาหวยบนดินขึ้นมา เพราะประชาชนจะได้ประโยชน์มาก ทุกวันนี้มีการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาใบละ 20 บาท คิดง่ายๆ 23 ล้านคู่ต่องวด เท่ากับได้กำไรต่องวดถึง 460 ล้านบาท แล้วใครได้ประโยชน์ อย่างพวกเจ้ามือหวยใต้ดินแต่ละงวดมีรายได้ประมาณ 500 ล้านบาท เงินเหล่านี้ตกอยู่กระเป๋รตอบได้หรือไม่ มีข่าวว่าพวกเจ้ามือหวยใต้ดินร่วมลงขันกันจะล้มล้าง พ.ต.ท.ทักษิณ (ชินวัตร) ตรงนี้ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทย

ต้องยอมรับว่าเด็กหนุ่ม 2 คน ไม่เคยลำบาก เกิดมาในตระกูลร่ำรวย เป็นลูกเศรษฐี ไปเรียนเมืองนอก จบมหาวิทยาอ๊อกฟอร์ดทั้งคู่ อยู่หอพัก เล่นกีฬา มีอาหารดีๆ กิน ไม่ต้องไปจ่ายตลาด ไม่เหมือนพวกผม พูดภาษาอังกฤษเก่งเพราะไปเรียนแต่เด็ก คนหนึ่งกลับมาก็ถูกดึงไปทำงานการเมือง แม้จะไปเป็นอาจารย์แต่ก็เป็นช่วงที่หนีราชการ อีกคนหนึ่งไปทำงานเงินๆ ทองๆ แต่วันนี้ถามว่ขาดประสบการณ์ ขาดความเข้าใจคนจน เกษตรกร ขาดความกล้าในการตัดสินใจ ขนาดจับไม้กวาดยังไม่เป็นเลย ทั้งสองคนไม่รู้วิธีการค้าขาย เพราะไม่เคยลำบาก อดยาก หามื้อกินมื้อ ปากเก่ง พูดดีใส่ตัว พูดไม่ดีใส่คนอื่น ชอบทำงานด้วยปาก ประชาชนผิดหวัง เด็ก 2 คน รู้ไหมว่าอุตสาหกรรมที่ทำให้ไทยพ้นวิกฤตได้คือ อุตสาหกรรมเกษตร และอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แต่รัฐบาลกลับงบฯ เกษตรแค่ 2 พันบล้าน

ส.ส.เชียงใหม่ อภิปรายต่อว่า รู้หรือไม่ว่าห้องในโรงแรมว่าเท่าไหร่ ตนเป็นประธาน กมธ.การเงินการคลังฯ ตนได้ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทำวิจัยชี้ว่าการที่พันธมิตรฯ ปิดสนามบินทำให้เสียหายถึง 2.9 แสนล้านบาท น่าเศร้าหรือไม่ นี่ยังไม่นับร้านอาหาร ภัตตาคาร คาเฟ่ ตลกตกงาน อุตสาหกรรมที่เจ๊งอีกคือ อุตสาหกรรมส่งออก ภาคการผลิต ซึ่งเป็นรายได้ของประเทศถึง 70% เช่น รถยนต์ ชิ้นส่วนอะไหล่ สิ่งทอ ยางพารา ข้าว เป็นต้น การบริโภคภายในและนอกประเทศถดถอยอย่างเลวร้าย

ที่สำคัญที่สุดคือนักวิชาการวิเคราะห์ว่ารัฐบาลนี้ทำประชานิยมแบบไร้สมอง ผมก็เห็นใจ เพราะเด็กหนุ่ม 2 คน มักจะพูดตลอดว่ารัฐบาลนี้ทำงานหนัก แต่ไม่เจริญ เพราะทำงานหนักแต่โง่ไม่ดี แต่ทำงานน้อยแต่ได้ผลดีถึงเจริญ นายสุรพงษ์ กล่าว และว่า รัฐบาลนี้ยังลอกเลียนนโยบายประชานิยมของพ.ต.ท.ทักษิณ

ส.ส.เชียงใหม่ กล่าวต่อว่า สงสัยว่าเด็กหนุ่ม 2 คนนี้ตกเป็นเบี้ยล่างของใครหรือไม่ ยกตัวอย่างการบินไทย รมว.คลังถือหุ้นใหญ่ แต่กลับปล่อยให้รมว.คมนาคมดูแล โดยเฉพาะเรื่องการย้ายสนามบิน ทางกระทรวงคมนาคมบอกว่าจะทำให้เสียหาย 600 ล้านบาท แต่นายกฯ บอกไม่แค่ 200 ล้านบาท แต่ยังกลับไม่กล้าตัดสินใจที่จะย้ายจากดอนเมืองไปสุวรรณภูมิ หากย้ายไปสุวรรณภูมิจริงจะทำให้เกิดความแออัด กลายเป็นว่าจะต้องมีการผลักดันให้เกิดการขยายสนามบินอีก 5 แสนล้าน ถามว่าอย่างนี้ตกเป็นเบี้ยล่างของใคร

อยากให้เลิกนิสัยใจแคบ และรับฟังเสียงวิจารณ์บ้าง เลิกหลอกตัวเองว่าเศรษฐกิจจะเป็นบวก เพราะหลายๆ แห่งก็ระบุว่ามันจะเป็นลบ ทั้งนี้ ธปท.ได้นำตัวเลขมาให้ตนว่าตัวเลขจะติดลบ 1% ผมชี้เลยว่าเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจไทยย่อยยับนั้นเป็นเพราะว่า 1. ปิดสนามบิน 2.การเมืองไร้เสถียรภาพ ทำประชาชนไม่มีความสุข เพราะตกเป็นเบี้ยล่างใคร 3.สำคัญที่สุด ทีมเศรษฐกิจโดย 2 หนุ่ม 1 มุมใจแคบที่จะแก้ปัญหา นายสุรพงษ์ กล่าว และว่า ดังนั้นการบริหารงานของ 2 หนุ่มนี้จึงไม่อาจไว้วางใจได้

รณฤทธิชัยจ่อยื่นปธ.สภาฯสอบส.ส.ชูนิ้วกลาง-แจกกล้วย

นายรณฤทธิชัย คานเขต ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวเมื่อวันที่ 20 มี.ค. ถึงเหตุการณ์ที่นายสุรเชษฐ์ ชัยโกศล ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย ได้ชูนิ้วกลาง พร้อมตะโกนคำหยาบ ให้นายรณฤทธิชัย พร้อมท้าออกไปดวลกันนอกห้องประชุม ระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี เป็นวันแรก เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า ในฐานะที่เป็นผู้ถูกกระทำ ยอมรับไม่สบายใจที่เกิดเหตุขึ้น ถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ตนเข้ามาทำหน้าที่ในสภา เพราะผู้ที่เป็น ส.ส.ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นผู้ทรงเกียรติ ก็ควรมีวุฒิภาวะ มีความรับผิดชอบมากกว่านี้ อีกทั้งควรรู้ว่าอะไรควร หรือไม่สมควรในการกระทำในสภา โดยเฉพาะพฤติกรรมที่ ส.ส.คนดังกล่าวแจกของลับรวมทั้งการกวักมือท้าทาย เพราะไม่อยากให้มีการนำพฤติกรรมนักเลงเข้าใช้ในสภา ซึ่งกรณีดังกล่าวได้ทำให้สถาบันสภาต้องพลอยเสื่อมเสียไปด้วย เพราะผิดหลักจริยธรรมและข้อบังคับการประชุม สิ่งสำคัญได้สร้างความเสียหายแก่ผู้ถูกกระทำและส่งผลต่อความศรัทธาของประชาชนต่อสภาแห่งนี้

"เรื่องนี้ได้เตรียมยื่นหนังสือ ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มีดำเนินการพิจารณาสอบสวนกรณีการแสดงพฤติกรรม และการใช้ถ้อยคำในสภาไม่สุภาพ เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานต่อไป ซึ่งเป็นผลจากทำอะไรไม่คิด ไม่ใช่ว่าเป็น ส.ส.แล้ว จะทำอะไรในสภาได้ตามอำเภอใจ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นอีก ซึ่งจะรอให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้นแล้ว จะได้ยื่นดังกล่าวต่อไป นอกจากนี้ ได้มีผู้ใหญ่ที่เป็นที่เคารพได้แนะนำให้ไปแจ้งความดำเนินคดีจากกรณีนี้ แต่ขอใช้เวลาพิจารณาเรื่องนี้ก่อนนายรณฤทธิชัย กล่าว

ด้าน น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้สภาเสื่อมเสียไปด้วย ดังนั้นก็อยู่ที่จิตสำนึกของผู้ที่เข้ามาทำหน้าที่เป็น ส.ส.ว่ามีวุฒิภาวะแค่ไหน มีจริยธรรมสะท้อนถึงประชาชนในพื้นที่ที่เลือกเข้ามาด้วย แม้จะมีมาตรการด้านจริยธรรมของสภามากแค่ไหน คงไม่เกิดประโยชน์ บางครั้งสภาควรจะมีการประณามด้วย เพราะขณะนี้ยังไม่มีคณะกรรมการจริยธรรม สภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากอยู่ในขั้นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ

สมเกียรติเหน็บฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจพันธมิตรฯ

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 20 มีนาคม นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ใช้สิทธิพาดพิง ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ในวันที่ 20 มี.ค.ว่า ขอขอบคุณสมาชิกพรรคฝ่ายค้านที่กรุณากล่าวถึงกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย องค์กรที่ตนภูมิใจสูงสุด ทั้งนี้ ข้อกล่าวหาที่ว่าเราเป็นผู้ก่อการร้ายสากลนั้น ถ้าศึกษาจริงๆ จะพบว่า เราถูกตั้งข้อหากบฏโดยตำรวจ แต่ไม่มีผู้แจ้งความ จากนั้นศาลฯสั่งเพิกถอนหมายจับกบฏ และถือว่าข้อกล่าวหานี้เลื่อนลอย

ตามกฎหมายอาญา มาตรา 135 ต้องครบองค์ประกอบ จึงจะเรียกว่าเป็นผู้ก่อการร้ายสากล คือ ใช้กำลังประทุษร้าย ทำให้ระบบการขนส่งเสียหายอย่างรุนแรง แต่ของเราไปด้านหน้าเวที ไม่ได้ปิดทาง นายสมเกียรติ กล่าวและว่า เราไม่เคยยึดลานบิน หอบังคับการบินก็ไม่เคยเข้าไป เราอยู่ข้างนอก และมีภาพถ่ายตลอด

นายสมเกียรติ กล่าวด้วยว่า การที่พรรคฝ่ายค้านพยายามระบุว่าเป็นผู้ก่อการร้ายสากล มองว่าเป็นข้อหาที่เลื่อนลอยเหมือนกับข้อหากบฏ ตนภูมิใจมากที่ได้รับข้อหากบฏและถ้าจะได้รับข้อหาก่อการร้ายสากลก็เป็นพระคุณ กรุณาไปแจ้งความ แต่ไม่อยากให้คนอื่นไปแจ้งความแทน นอกจากนี้ ยังมีบันทึกของบริษัท ท่าอากาศยานไทย ว่า คนที่ปิดสนามบิน คือ ผู้อำนวยการหรือผู้ว่าการ

นายสมเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่าลืมว่า ท่านกำลังอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ไม่ใช่ไม่ไว้วางใจพันธมิตรฯ และนายกษิต ก็ไม่ใช่แกนนำรุ่น1 หรือรุ่น2 ท่านเป็นเพียงผู้รับคำเชิญ

กมธ.ทหาร เล็งสอบเอาผิดมือดีนำคลิปตัดหัวไปให้ฝ่ายค้าน

นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี โดยอ้างว่าได้คลิปวีดีโอฆ่าตัดคอทหาร มาจาก กมธ.ทหาร ว่า คลิปวีดีโอดังกล่าวมีผู้หวังดีนำมาให้กับกมธ.การทหาร เพื่อนำมาศึกษาสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ ซึ่งพ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกมธ.การทหาร ก็ได้อนุญาตให้ฉายในที่ประชุมเมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา และยังได้ย้ำว่าให้เป็นการดูและศึกษาภายใน กมธ.เท่านั้น เพราะหากนำไปเผยแพร่อาจจะเข้าทางผู้ก่อการร้ายในพื้นที่ ที่ต้องการให้เกิดความสะพรึงกลัว ดังนั้น การที่ร.ต.ท.เชาวรินนำภาพดังกล่าวไปเผยแพร่ จึงเข้าทางผู้ก่อการร้าย

นายอภิชาตกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ตนจะนำเรื่องนี้เข้าหารือกับที่ประชุมกมธ.การทหารในวันที่ 26 มี.ค.นี้ เพื่อหาต้นตอว่าใครคือผู้อนุญาตให้ ร.ต.ท.เชาวริน นำคลิปดังกล่าวไปเผยแพร่ในการอภิปราย ทั้งที่ประธานกมธ.ได้มีการสั่งห้ามไว้แล้ว เพราะในการประชุมวันที่ 12 มี.ค. ก็ไม่มีสื่อมวลชนเข้าไปทำข่าว จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นคนในกมธ.ที่นำไปให้ร.ต.ท.เชาวริน

กษิตลา 2 ชม.พาคณะทูตเข้าเฝ้าฯสมเด็จพระบรมฯ

นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 มี.ค.ว่า ผมต้องขอประทานอภัยอย่างสูง เพราะต้องออกจากสภาฯ เพื่อนำคณะทูตเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จึงขอลาไป 2 ชั่วโมง แล้วจะกลับมาตอบคำถาม

สมคิดอัดกษิตทำประเทศฉิบหายโดนประท้วงวุ่น เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 20 มีนาคม นายสมคิด บาลไธสง ส.ส.หนองคาย เพื่อไทย กล่าวอภิปราย นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ว่า ส่วนตัวไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรีทั้งหมด โดยขณะนี้ได้เกิดลัทธิมาร์ค-เนวิน ซึ่งเหมือนน้ำกับน้ำมันที่เข้ากันไม่ได้ การได้มาเป็นรัฐบาลจึงไม่ชอบธรรม ไม่ถูกต้องขัดรัฐธรรมนูญ ข้อบังคับ จารีตประเพณี แต่ยังมีหน้ามาบริหารประเทศต่อไปหรือ แม้แต่การแถลงนโยบายของรัฐบาลก็กระทำการนอกสภา ซึ่งไม่เคยมีประวัติมาก่อน

ประเด็นกล่าวหานายกษิต นั้นตนเห็นว่าเป็นตัวแทนจากกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งป็นกลุ่มที่ประชาชนค่อนประเทศเกลียดไม่ชอบ แต่นายกฯ ้งคนแบบนี้มาบริหารประเทศ ชอบพูดจาหยาบคาย ดูถูกดูแคลนคนอื่นเห็นว่าตัวเองสูงส่งกว่า มองคนอื่นเป็นคนชั้นต่ำกล่าวหาผู้นำต่างประเทศว่าป่วย ซึ่งส่งผลให้ประเทศเสียโอกาสในการเจริญสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆ สร้างความแตกแยกระหว่างประเทศ อย่างที่จ.ศรีสะเกษ ตอนนี้แม้แต่ หมายังไม่สามารถเดินขึ้นมออีแดงได้เลย ปล่อยให้กัมพูชาสร้างถนนยาวถึง 15 กิโลเมตร ขึ้นไปบนเขาพระวิหาร ไม่ทราบว่าตอนนั้นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงไปอยู่ที่ไหน

ประเด็นต่อมาคือ รัฐบาลชุดนี้ไม่เคารพศาล โดยเฉพาะศาลโลก ซึ่งตัดสินแล้วเรื่องพระวิหารเป็นเวลากว่า 46 ปี ก่อนนายกฯ เกิดเสียอีก ถ้าไม่เชื่อศาลโลกแล้วจะไปเชื่ออะไร ที่ศาลตัดสินอดีตนายกฯ เซ็นให้ภรรยาซื้อที่ดินอย่างนี้ผิดหนักหนา นอกจากนี้ นายกษิต ยังมีพฤติกรรมขัดขวางนโยบายของรัฐบาลเอง โดยเคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า ไม่เห็นด้วยกับนโยบายประชานิยม แล้วอย่างนี้จะบริหารประเทศกันได้อย่างไร ในเมื่อไปกันคนละทิศละทาง

เมื่อรัฐมนตรีคนนี้เข้ามาก็ทำให้ประเทศฉิบหาย แต่ยังมีหน้ามาของบฯ เพิ่ม เพื่อสร้างภาพลักษณ์

จากนั้น เกิดการประท้วงเรื่องการใช้คำว่า ฉิบหาย ของนายสมคิด โดยส.ส.ฝ่ายรัฐบาลขอให้ถอนคำนี้ แต่พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธาน วินิจฉัยว่า เป็นคนสุภาพ แต่หากไปใช้กับบุคคลเช่น ไอ้ฉิบหาย ก็จะกลายเป็นคำไม่สุภาพ เป็นการเสียดสี แต่ที่ผ่านมาผู้อภิปรายพยายามชี้แจงโดยการกล่าวหารัฐมนตรีอยู่ จึงถือว่าไม่ใช่คำไม่สุภาพ ทั้งนี้ การประท้วงกินเวลากว่า 30 นาที

ส.ส.ใหม่เชียงรายอภิปรายอัดกษิต ขอตั๋วบินฟรีไปญี่ปุ่น 50ใบ

เมื่อเวลา 11.10 น. วันที่ 20 มีนาคม น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศว่า นายกษิต ขณะดำรงตำแหน่งเป็นทูตที่ไหนก็สร้างแต่ความแตกแยก มีการทะเลาะวิวาทอย่างรุนแรง , ถึงขนาดที่อัครราชทูต ต้องระบายให้นักศึกษาไทยที่อยู่ในต่างแดนฟัง , ชกต่อยกับนักเรียนไทยในประเทศต่างแดน จากตำแหน่งของนายกษิต คือเป็นทูตทำไมถึงไม่คิดก่อนกระทำการนั้น

นอกจากนี้ นายกษิตยังมีพฤติกรรมแสวงหาผลประโยชน์ โดยอ้างบุคคล ชื่อนายไพบูลย์ มีอาชีพเป็นผู้ค้าสินค้า ขณะนั้นนายกษิตเป็นทูตแต่ได้บีบบังคับให้พ่อค้าขายเปียโนให้ตน ความแตกเมื่อ นายกษิตออกรายการทางโทรทัศน์ ช่อง 9 ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเป็นคนอ่อนโยน รักดนตรี แต่ปรากฎว่า พบเปียโนหลังนั้นอยู่ในบ้าน

น.ส.วิสาระดีกล่าวว่า ตอนนายกษิตไปเป็นทูตที่ประเทศญี่ปุ่น ได้ขอตั๋วกับการบินไทยเป็นจำนวน 50 ที่นั่ง อ้างว่า เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่กลับเอาไปให้สมาชิกในครอบครัวบินไปเที่ยวญี่ปุ่นเป็นว่าเล่น พร้อมกันนี้ ยังมีพฤติกรรมส่อไม่เคารพทางศาสนา โดยผู้ที่ให้ข้อมูลนั้นเป็นถึงพระสงฆ์ อยู่ที่วัดแถวพระรามเก้า ไปเจอพระสงฆ์ที่เป็นระดับเลขาฯสมเด็จพระสังฆราชในต่างประเทศ กลับใช้คำพูดว่า ท่านทำไมมาหากินไกลถึงนี่ ถือว่าเป็นการดูถูกพระชั้นผู้ใหญ่

น.ส.วิสาระดี กล่าวถึง กรณีเรื่องเขาพระวิหาร รมต.บอกว่าจะนำกลับคืนมาให้ แต่กลับใช้คำพูดกับ รมต.ประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่เหมาะสม ทำไมไม่คิดก่อนที่จะพูด ไม่ใช่ออกมาอ้างว่า ขณะ นั้นยังไม่ดำรงตำแหน่ง กรณียึดสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง นายกษิตกลับพูดว่า บรรยากาศดี อาหารอร่อยดนตรีไพเราะ ไม่รู้กล่าวมาได้อย่างไร คิดว่าประชาชน จะเชื่อไหมว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องการยึดสนามบิน ซึ่งในการปิดสนามบินครั้งนั้นได้สร้างความเสียหาย กับประเทศไทย มีผลกระทบเป็นจำนวนเงิน 2.9 แสนล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ เป็นส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทยสมัยแรก ทำให้ถูกจับตามองจากฝ่ายรัฐบาลว่า มีการบอกบทในการพูดอภิปรายหรือไม่ และยิ่งน.ส.วิสาระดี หยิบกระดาษโน้ตขึ้นมาอ่านตลอดการอภิปราย จนทำให้ถูกส.ส.ปชป.หลายคนลุกขึ้นมาประท้วงอยู่ตลอดเวลา

สภาขอโทษปปช.ปล่อยเชาวรินแพร่วิดีทัศน์3จนท.รัฐเสียชีวิต

การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล วันที่สอง ได้เริ่มเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 20 มีนาคม โดยมีนายสามารถ แก้วมีชัย เป็นประธานสภา เริ่มต้นขึ้นด้วย นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นขอให้ นายสามารถ ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานระหว่างที่ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อภิปรายแล้วมีการนำวิดิทัศน์ เผยแพร่ภาพการเสียชีวิตของทหารซึ่งถูกฆ่าตัดคอที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นำเสนอกลางสภาฯ ซึ่งภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ไปสู่ประชาชนทั่วประเทศ ที่รับชมการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ที่ผ่านมา ขอโทษประชาชน เนื่องจากภาพลักษณะดังกล่าวมีความรุนแรง รวมทั้งยังเป็นการไม่ให้เกียรติต่อทหารที่เสียชีวิต

ขณะที่ นายสามารถ ได้กล่าวขอบคุณสมาชิกที่ตั้งข้อสังเกต จะด้วยความบังเอิญ หรืออะไรก็ตาม แต่ระหว่างที่ร.ต.ท.เชาวรินกำลังอภิปรายประเด็นดังกล่าว สถานีโทีรทัศน์เอ็นบีที ได้ตัดภาพเข้าสู่ข่าวพระราชสำนัก จึงทำให้ภาพตอนดังกล่าวไม่ได้ถูกเผยแพร่สู่สาธารณชน พร้อมกับอยากเรียนสมาชิกว่า ซีดี หรือวีซีดีทั้งหลาย ที่ขอนุญาตสภาฯ เพื่อนำมาประกอบการอภิปราย ก็ได้มีการกำชับแล้วว่าต่อไปให้มีการตรวจสอบ อันไหนที่ไม่มีความเหมาะสมก็ไม่อนุญาตให้นำมาเผยแพร่ ส่วนภาพเมื่อวานนั้นที่มีการเผยแพร่ตนก็เสียใจ และเห็นพร้อมๆ กับสมาชิก ต้องขอโทษประชาชนทั้งหลายที่บังเอิญจะได้เห็น ทั้งนี้ถ้าจำเป็นจะต้องเปิดก็อาจจะมีการเสนอขอประชุมลับ

ด้านร.ต.ท.เชาวริน ได้ขอปฏิเสธคำขอโทษของประธาน และขอให้เลิกการไม่ยอมรับความจริง เพราะเป็นปัญหาซ้อนปัญหากันอยู่ การนำภาพมาให้ดูเพื่อให้รัฐบาลได้รับรู้ว่าเหตุการณ์รุนแรงแบบนี้แต่ยังวางเฉย นายทหารชั้นผู้ใหญ่ลงไปดูบางไหม เอาแต่เล่นการเมือง ตรงนี้ต้องการให้สังคมรับรู้ อย่าดัดจริตเลย หากภาพที่ออกไปใครช๊อกตาย ตนจะรับผิดชอบ ทำเป็นเดือดร้อนอย่างนั้นอย่างนี้ใครเดือดร้อน พิสูจน์มาว่าตนผิดอะไรตนจะรับผิดชอบไม่ใช่ตีหัวกินแบบนี้

จากนั้นนายสามารถ ได้แจ้งให้ที่ประชุมสภาฯรับทราบว่าในการอภิปรายไม่ไว้วางใจฯฝ่ายค้านได้อภิปรายทั้งหมด 11 คน ใช้เวลาในการอภิปรายไป 11 ชั่วโมง 32 นาที และคณะรัฐมนตรี ใช้เวลาในการชี้แจงไปทั้งหมด 2 ชั่วโมง 27 นาที และมีการใช้เวลาในการประท้วงและสิทธิ์พาดพิงไป 2 ชั่วโมง 55 นาที ซึ่งตนเป็นห่วงในการประท้วงและใช้สิทธิ์พาดพิง และขอให้สมาชิกรักษาเวลาด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook