“ชัยฤทธิ์” รับทราบข้อหาผิดวินัยร้ายแรง คดีพา “ยิ่งลักษณ์” หนี

“ชัยฤทธิ์” รับทราบข้อหาผิดวินัยร้ายแรง คดีพา “ยิ่งลักษณ์” หนี

“ชัยฤทธิ์” รับทราบข้อหาผิดวินัยร้ายแรง คดีพา “ยิ่งลักษณ์” หนี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เข้ารับทราบข้อหาผิดวินัยร้ายแรง กรณีพานางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลบหนี

วันนี้ (10 ต.ค. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พันตำรวจเอกชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เดินทางเข้ารับทราบข้อหาหลังคณะกรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์ว่ามีความผิดวินัยร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ มาตรา 78 และ 79 ไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและเที่ยงธรรมตามจรรยาบรรณของตำรวจ กรณีที่พานางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหลบหนี  เบื้องต้นได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาความผิดว่า จะมีการลงโทษสถานใดต่อไป

สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ (9 ต.ค. 60) ที่พลตำรวจตรีภาณุรัตน์ หลักบุญ ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีการหลบหนีของนางสาวยิ่งลักษณ์ได้เรียกประชุมด่วน เพื่อสรุปความเห็น กรณีพ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 พานางสาวยิ่งลักษณ์ หลบหนีมีความผิดหรือไม่ซึ่งการที่ผลดีเอ็นเอจากสิ่งของในบ้านนางสาวยิ่งลักษณ์กับในรถคัมรีไม่เข้ากัน ทำให้ไม่สามารถเอาผิดตามมาตรา 157 และ มาตรา 123/1 ตามประมวลกฎหมายอาญาด้วย แต่ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ เอาผิดวินัยร้ายแรงตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 แม้จะมีการกลับคำให้การภายหลัง ว่าไม่มั่นใจว่าเป็นนางสาวยิ่งลักษณ์ที่นั่งรถไปด้วย แต่เมื่อดูจากพยานหลักฐาน และคำให้การ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ที่ให้ไว้กับนายทหารพระธรรมนูญครั้งแรกมีน้ำหนักมากกว่า

อย่างไรก็ตามสำหรับการเอาผิดกับพันตำรวจเอกชัยฤทธิ์ เริ่มจากการที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขอเลื่อนไม่มาศาล เมื่อวันที่ 25 ส.ค.60 อ้างน้ำในหูไม่เท่ากัน ซึ่งศาลไม่เชื่อและออกหมายจับ พร้อมเลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาคดีไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ของนางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นวันที่ 27 ก.ย.นี้ เวลา 09.00 น. แต่ในระหว่าง 1 เดือนนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ต้องมาพิสูจน์อาการป่วยต่อศาล 

ระหว่าง 1 เดือนที่นางสาวยิ่งลักษณ์ หายเงียบไปไม่ปรากฏตัวว่าอยู่ที่ไหน ในทางการสอบสวนและติดตามตัวของเจ้าหน้าที่พบข้อมูลสำคัญหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ การพบรถโตโยต้า คัมรี สีเทา-เงิน รถต้องสงสัยพานางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หนีออกจากบ้านพักก่อนที่จะไม่ไปฟังคำพิพากษาศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 

และนำมาสู่การสอบปากคำตำรวจ  3 นาย ซึ่งพลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพรหามณกุล รองผู้บังคับบัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตำรวจทั้งหมดยอมรับว่าเกี่ยวข้องกับการพานางสาวยิ่งลักษณ์ หลบหนี  ยอมรับว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับรถยนต์โตโยต้า คัมรี สีบรอนซ์-เทา ที่ล่าสุดพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน อายัดไว้ดำเนินดคีอาญา แต่ตำรวจไม่สามารถควบคุมตัวทั้งหมดไว้ได้ เพราะยังไม่เข้าข่ายความผิดทางอาญา เพราะขณะเกิดเหตุนางสาวยิ่งลักษณ์ยังไม่มีหมายจับจากศาล การอารักขาหรือช่วยเหลือการเดินทาง จึงถือไม่เป็นความผิด 

จากนั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำหมายศาลค้นบ้าน “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ผู้ต้องหาในคดีปล่อยปละละเลย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว เพื่อตรวจนำดีเอ็นเอไปเทียบกับดีเอ็นเอผู้หญิงที่พบบนรถคัมรีที่ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ซึ่งยอมรับว่าขับพาน.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนี

กระทั่งวันนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องนำพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนีว่า ล่าสุดได้รับรายงานอย่างไม่เป็นทางการจากกองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.) ถึงผลการตรวจเปรียบเทียบดีเอ็นเอในรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นคัมรี สีบรอนซ์ ทะเบียน ฌข 5323 กรุงเทพมหานคร ที่ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 (รอง ผบก.น.5) ช่วยราชการ ศปก.น.5 ให้การว่า ใช้เป็นพาหนะพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ และเลขาส่วนตัวหลบหนีจาก กทม.ไปยัง จ.สระแก้ว เทียบกับตัวอย่างดีเอ็นเอของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เก็บได้จากของใช้ส่วนตัวแล้วพบว่า ไม่สามารถยืนยันผลดีเอ็นเอได้ เพราะดีเอ็นเอที่พบในรถยนต์คัมรีนั้นมีดีเอ็นเอปนเปื้อนจำนวนมาก จนไม่สามารถเทียบเคียงกับตัวอย่างดีเอ็นเอของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook