เรืองไกรจี้กรณ์ตรวจสอบ ปชป. เลี่ยงจ่ายภาษีเงินสนับสนุนเลือกตั้ง ส.ส. 270 ล้านตามไล่บี้ทุกพรรค

เรืองไกรจี้กรณ์ตรวจสอบ ปชป. เลี่ยงจ่ายภาษีเงินสนับสนุนเลือกตั้ง ส.ส. 270 ล้านตามไล่บี้ทุกพรรค

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เรืองไกรแสบร่อนจดหมายถึง กรณ์ จี้ตรวจภาษีปชป. เหตุจ่ายเงินหนุนเลือกตั้ง ส.ส.270 ล้าน แต่ไม่จ่ายภาษี 5 พันบาท ให้ตรวจพรรคอื่นเป็นมาตรฐานเดียวกัน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 มีนาคมตนได้ทำหนังสือถึงนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อให้ตรวจสอบการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากเงินสนับสนุนที่ได้รับจากพรรคเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ประจำปี 2550 เนื่องจากจากการตรวจสอบงบการเงินวันที่ 31 ธันวาคม 2550 ข้อ 7.2 ระบุถึงรายจ่ายสำนักงานเลขาธิการพรรคฯ ว่ามีค่าใช้จ่ายสนับสนุนผู้สมัคร 270,650,000 บาท และในหมายเหตุประกอบงบการเงินวันที่ 31 ธันวาคม 2550 ข้อ 9 เรื่องหนี้สินหมุนเวียนก็แสดงว่ามี ภงด. 53 ค้างจ่าย 4,788 บาท ทำให้เข้าใจว่าในปี 2550 พรรคประชาธิปัตย์จ่ายเงินสนับสนุนให้ผู้สมัครเป็นเงิน 270,650,000 บาท แต่กลับไม่พบว่ามีการหักภาษี ณ ที่จ่ายจากเงินดังกล่าวไว้ เนื่องจากในหมวดหนี้สินหมุนเวียนไม่มีค่าใช้จ่ายค้างจ่ายเกี่ยวกับรายการที่จ่ายให้บุคคลธรรมดาหรือ ภงด. 3 แต่อย่างใด

ทั้งนี้คาดว่าค่าใช้จ่ายจำนวน 270,650,000 บาทนั้น น่าจะเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ซึ่งต้องถือเป็นเงินได้พึงประเมินตรา 39 ประมวลรัษฎากรของผู้สมัครหรือไม่ ซึ่งต้องถือเป็นเงินได้พึงประเมินของมาตรา 40 ตามประมวลรัษฎากร

"ผมมีข้อสงสัยว่าเงินได้พึงประเมินดังกล่าวได้รับยกเว้นตามมาตรา 42 ของประมวลรัษฎากรหรือกฎหมายอื่นหรือไม่ หากต้องถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 39 ของประมวลรัษฎากรแล้ว มีใครนำเงินได้ดังกล่าวมาเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือยัง โดยต้องเสียภาษีภายในวันที่ 31 มีนาคม 2551 ที่ผ่านมา เพราะถือเป็นเงินได้ปี 2550 ถ้ายังไม่มีการเสียภาษีให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดจะต้องเสียเบี้ยปรับเงินเพิ่มตามมานายเรืองไกร กล่าวและว่า ทั้งนี้ตนได้แนบสำเนางบการเงินฉบับย่อของพรรคประชาธิปัตย์ประจำปี 2550 เรื่องการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากเงินสนับสนุนที่ได้รับจากพรรคการเมืองไปด้วย

ส.ว.สรรหา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จากการสุ่มตรวจสอบข้อมูลของ ส.ส.บางคนของพรรคประชาธิปัตย์เกี่ยวกับการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2550 ที่ยื่นแสดงไว้ต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ไม่พบว่ามีการแสดงรายการเกี่ยวกับเงินสนับสนุนไว้ ซึ่งตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะต้องแสดงรายการค่าใช้จ่าเสียง รวมทั้งที่มาของรายรับที่นำมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) อันจะเป็นหลักฐานที่แสดงยืนยันได้ว่าผู้สมัครแต่ละคนได้รับเงินสนับสนุนหรือถือว่าได้รับเงินสนับสนุนจากพรรคการเมืองเป็นจำนวนเท่าใด

"การตรวจสอบครั้งนี้ควรตรวจงบการเงินของพรรคการเมืองอื่นที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.และผู้สมัครของพรรคการเมืองอื่นก็สมควรจะต้องถูกพิจารณาเรื่องการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมเกี่ยวกับเงินสนับสนุนที่ได้รับด้วย เนื่องจากต้องทำให้เป็นมาตรฐานอันเดียวกัน เพราะหากตรวจสอบแล้วพบว่าเงินได้บุคคลธรรมดาที่ผู้สมัคร ส.ส.ได้รับเงินสนับสนุนจากพรรคการเมืองจะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามบทบัญญัติของกฎหมาย กรมสรรพากรได้ดำเนินการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาดังกล่าวครบถ้วนตามกำหนดเวลาแล้วหรือยังนายเรืองไกร กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook