ส.อ.ท.เผยเอกชนชะลอลงทุนในมาบตาพุด4หมื่นล้าน

ส.อ.ท.เผยเอกชนชะลอลงทุนในมาบตาพุด4หมื่นล้าน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายสันติ วิลาสศักดิ์ดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีนักลงทุนได้ตัดสินใจชะลอการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดออกไปหลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งประกาศให้นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวม 40,000 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการโรงแยกก๊าซ หน่วยที่ 7 ของ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) มูลค่า 20,000 ล้านบาท โครงการผลิตน้ำมันคุณภาพสูงยูโร 4 ของโรงกลั่นสตาร์ปิโตรเลียมรีไฟน์นิ่ง (SPRC) มูลค่า 18,000 ล้านบาท และ โครงการ Eproxy resin ของกลุ่ม Birta

ประธาน ส.อ.ท. กล่าวต่อว่า ทั้งนี้เดิมโครงการก่อสร้างโรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่ 7 ของปตท.ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะลงทุนต่อไปหรือไม่ และยังไม่มีการยื่นขออีไอเอ (ผลกระทบสิ่งแวดล้อม) จากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแต่อย่างใด เนื่องจากก่อนหน้านั้นต้นทุนก่อสร้างสูงตามภาวะราคาน้ำมัน แต่หลังจากที่รำมันในตลาดโลกปรับลดลงถือว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการลงทุน แต่สุดท้ายต้องชะลอออกไป ขณะเดียวกันโครงการยูโร 4 ของ SPRC ก็ต้องชะลอออกไป ส่วนหนึ่งเกิดจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ยอดการใช้น้ำมันลดลง แต่ส่วนหนึ่งก็เกิดจากผลกระทบของการประกาศเขตควบคุมมลพิษ

นายสันติ กล่าวด้วยว่า เขามีความกังวลเกี่ยวกับโครงการขยายการลงทุนอื่นๆ ที่จะทยอยลงทุนเข้ามาในพื้นที่อีกราว 300,000 ล้านบาท ซึ่งนักลงทุนสอบถามเข้ามากันมาก โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียน โดย ส.อ.ท.ได้แจ้งว่าต้องรอผลการศึกษาและแนวทางที่ชัดเจนจากทางจังหวัดระยองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล รองประธาน ส.อ.ท. ระบุว่า มีความกังวลเกี่ยวกับมาตรฐานต่างๆ เช่น การควบคุมซึ่งที่ผ่านมามาตรฐานเหล่านี้อยู่ในระดับที่เหนือกว่าต่างประเทศอยู่แล้ว หลังจากเปลี่ยนอำนาจกาำเนินการมาอยู่ในระดับท้องถิ่นแล้ว อาจจะไม่มีความชัดเจน ขาดการเชื่อมโยงกัน และนักลงทุนเองก็จะเกิดความไม่เชื่อมั่นว่าท้องถิ่นจะทำได้ดีเท่ากับคณะกรรมการระดับประเทศหรือไม่ นอกจากนี้ ยังเป็นห่วงผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่อยู่นอกเขตอีก 300 รายว่าจะได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง ขณะเดียวกันทาง ส.อ.ท.เองยังเป็นห่วงเรื่องการกำหนดรายละเอียดของการประกาศเขตควบคุมมลพิษต่างๆ ว่าจะครอบคลุมและมีผลกระทบต่อการลงทุนมากน้อยเพียงใด พร้อมกันนี้ อยากจะให้มีการตั้งคณะกรรมการร่วมกันระหว่างรัฐบาล ท้องถิ่น และทาง ส.อ.ท.เพื่อให้เข้าไปมีส่วนร่วมในฐานะตัวแทนจากภาคเอกชน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook