แกะรอยปริศนา สาวพม่าหน้าตาดี “ฆ่าตัวตาย หรือ ฆาตกรรม”

แกะรอยปริศนา สาวพม่าหน้าตาดี “ฆ่าตัวตาย หรือ ฆาตกรรม”

แกะรอยปริศนา สาวพม่าหน้าตาดี “ฆ่าตัวตาย หรือ ฆาตกรรม”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลายเป็นประเด็นคำถามของสังคมอีกครั้งเมื่อญาติของ น.ส.หวาน หรือ น้ำหวาน สาวพม่าวัย 17 ปี ออกมาทวงความยุติธรรม หลังจากเธอเสียชีวิตอย่างปริศนาในบ้านพักของนายจ้าง ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ส.ค. 60 ที่ผ่านมา

โดยเวลาเวลาประมาณ 19.00 น. เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุมีคนใช้อาวุธปืนยิงตัวเองเสียชีวิต ภายในบ้านหลังหนึ่ง ถนนบ้านปากแรด เขตเทศบาลเมืองบ้านโป่ง จ.ราชบุรี สภาพถูกยิงด้วยปืนขนาด 9 มม. เข้าที่ขมับขวาทะลุขมับซ้ายและในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืน 2 ปลอก

ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจลงความเห็นว่าฆ่าตัวตาย โดยสาเหตุน่าจะเกิดจากความน้อยใจและเครียด เนื่องจากว่า น.ส.หวาน ตั้งใจจะเดินทางกลับบ้านที่ประเทศพม่าช่วงปีใหม่นี้ แต่พี่สาวกลับมาหนีไปก่อน และ น.ส.หวาน ได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อ แต่พี่สาวก็ไม่รับ จึงคิดว่าพี่สาวทิ้งก่อน จนเกิดความน้อยใจและก่อเหตุสลดดังกล่าว

1a5

เรื่องราวเหมือนจะเป็นไปทิศทางที่คลี่คลายและน่าจะปิดคดีลงได้ไม่ยากเย็น หากไม่พบข้อพิรุธและข้อสังเกตที่น่าจะมีน้ำหนักว่า น้ำหวาน อาจถูกฆาตกรรม ซึ่งญาติๆของเธอเชื่อแบบนั้นจึงทำให้พวกเขาต้องลุกขึ้นสู้เพื่อทวงความยุติธรรม

โดยพี่สาวของเธอคือ น.ส. ลูกหว้าได้เปิดใจว่า เธอและน้องสาวได้มาทำงานที่ประเทศไทยได้ 5 ปีแล้ว น้องสาวทำงานเป็นแม่บ้านอยู่กับนายจ้างที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหากัน ซึ่งก่อนวันเกิดเหตุตนเองมีเรื่องกับนายจ้างคือเรื่องงานและปัญหาที่สะสมมานานจึงเกิดความเครียด รู้สึกไม่สบายใจไม่อยากอยู่แล้วจึงหนีออกไปข้างนอกเฉยๆ

และไม่ได้ติดต่อใครปิดโทรศัพท์เพราะอยากไม่คุยกับใครอยากอยู่คนเดียว วันต่อมาก็ทราบข่าวว่าน้อยเสียชีวิตแล้วด้วยการยิงตัวตาย ซึ่งตนเองไม่เชื่อว่าน้องฆ่าตัวตายเพราะพบข้อพิรุธหลายอย่างคือ น้องสาวเป็นคนถนัดซ้าย แต่แผลถูกยิงมาจากขมับขวาทะลุขมับซ้าย และตำรวจบอกว่าปืนที่ใช้ยิงไปขโมยมาจ้างห้องนายจ้างผู้ชาย

1artworkpoint

สอดคล้องกับนายโคโค ไนน์ คณะกรรมาธิการสหพันธ์แรงงานพม่า ได้ให้สัมภาษณ์ว่า คดีนี้ทางญาติผู้ตายคือ น.ส.หวานได้มารองเรียนให้ช่วยตรวจสอบคดีฆ่าตัวตายของสาวพม่าวัย 17 ปี ซึ่งขณะนี้ทางสถานฑูตเมียนมาได้ประสานงานช่วยเหลือในเรื่องคดีดังกล่าวแล้ว

โดยข้อสงสัยที่ยังหาคำตอบไม่ได้ในคดีนี้คือ

-         ผู้ตายเป็นคนถนัดมือซ้ายแต่ถูกยิงด้านขมับขวา

-         ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืน 2 ปลอก ซึ่งตำรวจบอกว่ามีการซ้อมยิงก่อนที่ยิงจริง

-         น้องอายุ 17 ปี ไม่เคยเห็นปืนมาก่อนในชีวิต แต่สามารถใส่แม็กกาซีน ปลอดเซฟปืน ล็อคสไลด์ยิงปืนแบบออโต้ได้ยังไง

-         ในที่เกิดเหตุเป็นปืนสีดำ แต่ตอนที่ส่งไปตรวจพิสูจน์หลักฐานกลับเป็นสีเทาเงินสแตนเลส ทำไมเป็นแบบนี้

-         พี่สาวหายไปตอน 10 โมง น้องสาวโทรหาแม่ตอนบ่าย 2 แต่ไม่รู้สึกเครียดอะไรและอยากทำงานต่อ

-         หากต้องการฆ่าตัวตายจริงทำไมไม่กินยาฆ่าตัวตาย หรือ ผูกคอตาย แต่กลับไปขโมยปืนนายจ้างมายิงตัวเองตายที่บ้านนายจ้าง

-        พาสปอร์ตถูกนายจ้างเก็บไว้เพราะกลัวลูกจ้างหนี ถ้าหนีเขาจะแจ้งตำรวจข้อหาขโมยของ

-         เสื้อผ้าและสภาพศพยังมีเลือดเต็มใบหน้าอยู่ในสภาพเดิมเหมือนไม่มีการตรวจพิสูจน์แต่อย่างใด

1a3

 

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลที่ทาง Sanook News! ได้รวบรวมและสืบค้นข้อมูลจากเพื่อนนายจ้างของสาวพม่าพบข้อมูลที่น่าสนใจว่า “ในตอนเช้าวันเกิดเหตุนั้น พี่สาวคือลูกหว้าได้หนีออกจากบ้านนายจ้างไป พร้อมขโมยเงินของน้องสาวคือ น้ำหวานไปด้วยจำนวนเงิน 20,000 กว่าบาท

โดยหนีไปกับเพื่อนชายคนสนิท ซึ่งน้ำหวานโทรหาก็ไม่รับสายและติดต่อไม่ได้ โดยเงินจำนวนดังกล่าวน้ำหวานตั้งใจเก็บไว้ทำทุนเปิดร้านขายของชำกับพ่อที่บ้านเกิด” ทั้งนี้หากข้อมูลนี้เป็นความจริงเรื่องราวการฆ่าตัวตายก็น่าจะมีมูลเหตุแรงจูงใจมากขึ้น

1a4

ด้านประเด็นข้อสงสัยที่เกิดขึ้นทั้งหมดทาง พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้ชี้แจงว่า

-         ผล DNA ที่กระบอกปืนมีผล DNA ของผู้ตายเพียงคนเดียว ปืนที่อยู่ในที่เกิดเหตุและปืนที่ส่งพิสูจน์หลักฐานเป็นปืนกระบอกเดียวกันมี DNA ของผู้ตาย รวมทั้งแม็กกาซีนและเขม่าดินปืนด้วย

-         ถนัดมือซ้ายจริง เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้สาทิตการจับที่คาดว่าจะเป็นลักษณะการจับจริงของผู้ตาย ที่จับพร้อมกันสองมือ โดยนั่งอยู่ที่บริเวณพื้นด้านล่างติดกับมุมโซฟานั่ง และหันหน้าไปทางประตู ที่คาดว่าจะเป็นการสังเกตว่าจะมีใครมาพบเห็นหรือไม่

เมื่อผู้ตายตัดสินใจได้แล้วจึงยิงทันที ซึ่งนัดแรกสันนิษฐานว่าผู้ตายคงจะทดลองยิงเนื่องจากไม่เคยใช้ปืน เมื่อยิงได้จึงยิงซ้ำเข้าที่ขมับตนเองและกระสุนทะลุศีรษะไปฝังที่ขอบหน้าต่างที่เป็นอลูมีเนียมและฟุปลงกับพื้นเสียชีวิต ส่วนปืนได้หลุดจากมือตกที่หว่างขา

-         ไม่เคยใช้ปืน ปืนยี่ฮ้อนี้ใช้งานไม่ยากนักเป็นปืนที่ต้องใส่แม๊กกาซีนสมบูรณ์ระบบถึงจะทำงานเพียงแค่ขึ้นลำก็สามารถยิงได้ทันที ส่วนข้อสงสัยที่ว่าจะมีการใส่แม๊กกาซีนไว้ในขณะนั้นรวมไปถึงขึ้นลำพร้อมยิงหรือไม่ จากการสอบถามกับทางเจ้าของ ก็ได้รับคำตอบว่าจำไม่ได้ แต่ทั้งนี้ก็เป็นไปได้ แต่ถ้าผู้ตายดูหนังหรือเห็นนายจ้างนำออกมาใช่ก็สามารถใช้งานเป็นได้เช่นกัน

-         นายจ้างเป็นผู้ต้องสงสัย คลิปภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพของนายเกรียงศักดิ์  นายจ้าง ช่วงเกิดเหตุกำลังว่ายน้ำอยู่ในสระน้ำหลังบ้านในเวลา 17.15 น. โดยประมาณ ซึ่งนายเกรียงศักดิ์ จะออกกำลังออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำภายในสระหลังบ้านเป็นประจำ แม้ในเวลานั้นฝนจะตกหนักก็ตาม

1a6_1

ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่มีเสียงปืนดังขึ้นสองนัด ทำให้ภรรยาของนายเกียงศักดิ์ได้ยินเสียง จึงให้ลูกสาววิ่งลงไปดูเพราะคิดว่านางสาวน้ำหวานผู้ตายทำอะไรตกหล่นเสียหายอีกเนื่องจากจะทำเป็นประจำและโดนดุบ่อยครั้ง เมื่อลงมาดูพบว่านางสาวน้ำหวานนอนเสียชีวิตจึงได้รีบโทรแจ้งที่ 191

และโทรเข้าไปยังเบอร์ของ สภ.บ้านโป่งปรากฏว่าโทรไม่ติด จึงได้รีบขับรถยนต์ ออกไปแจ้งความที่ สภ.บ้านโป่งด้วยความรวดเร็วและกล้องได้บันทึกภาพเอาไว้ได้ตลอดเวลา และในขณะนั้นนายเกรียงศักดิ์ยังไม่ทราบเหตุการณ์ว่านางสาวน้ำหวานยิงตัวตายเนื่องจากยังเล่นน้ำอยู่ภายในสระตามปกติประกอบกับฝนตก

และเมื่อขึ้นจากสระเข้ามาพายในบ้านจึงได้ทราบว่านางสาวน้ำหวานได้นำอาวุธปืนของตนที่เก็บไว้ในห้องนอนมายิงตัวเองตาย

ทั้งหมดนี้คือคำชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ทางญาติก็ยังมีข้อสงสัยในหลายประเด็นจึงขอขุดศพของน้องน้ำหวานเพื่อผ่าพิสูจน์ทางนิติเวชอย่างละเอียดอีกครั้ง คดีนี้จะจบลงอย่างไรคงต้องพิสูจน์กันด้วยหลักฐานและความจริง ฆ่าตัวตาย หรือ ฆาตกรรม คงต้องติดตามกันต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook