ก้อย รัชวิน เมินทุกดราม่า ตูน สอนให้ทำมากกว่าพูด
ได้ใจคนไทยทั้งประเทศไปเลย สำหรับคู่รักนักร้องหนุ่ม “ตูน อาทิวราห์” หรือ “ตูน บอดี้สแลม” กับหวานใจสาว “ก้อย รัชวิน” กับโปรเจกต์ “ก้าว” ที่วิ่งจากใต้สุดขึ้นเหนือสุดของประเทศ แต่นอกจากจะได้รับการชื่นชมแล้ว ก็ยังมีหนึ่งมุมที่เกิดกระแสดราม่าตามมาเป็นระลอกๆ
ล่าสุด ก้อย รัชวิน ได้ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนทุกเรื่องราวระหว่างทางที่ได้พบให้ฟังว่า ตอนนี้ผ่านมา 15 วันแล้ว ทุกอย่างเกินจากที่คิดไว้เยอะ เธอก็คอยให้กำลังใจพี่ตูนอยู่ข้างๆ ส่วนกระแสดราม่าต่างๆ นั้น เธอไม่อยากสนใจ เพราะที่ผ่านมาพี่ตูนทำให้เห็นมากกว่าพูดเยอะ
ตลอดเวลาที่อยู่ข้างพี่ตูน เราถือเป็นกำลังใจที่สำคัญมาก ?
"จริงๆ สิ่งที่เกิดขึ้นมาตลอด 15 วันที่ผ่านมา มันเกินจากที่เราคิดกันไว้เยอะมาก คือเราไม่ได้มีภาพที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เราเคยผ่านตอนที่เราวิ่งจากกรุงเทพไปบางสะพาน เราก็พอจะรู้ว่าเราต้องเจอกับอะไรบ้าง เตรียมตัวและรับมือยังไง แต่ครั้งนี้มันเกินที่เราคิดไว้ทุกอย่าง มันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่คนๆ นึงจะได้เจอ"
แต่ละวันได้เห็นอะไรบ้าง ?
"มันเป็นรอยยิ้มและความสุขระหว่างสองข้างทาง ซึ่งมันประเมินค่าเป็นเงินไม่ได้เลย มันดีมากจริงๆ ถามว่าพี่ตูนเหนื่อยขนาดไหน คือมันต้องมีบ้างเพราะเราใช้ร่างกาย ในการทำสิ่งนี้เราไม่มีต้นทุนอะไรเลยนอกจากร่างกายของตัวเอง ฉะนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เขาจะรักษาตัวเองไว้ให้ได้ เพราะทุกวันที่เขาไปเจอคน เราเหนื่อยแต่เราเห็นรอยยิ้มของทุกคนข้างทาง เห็นเด็กตัวน้อยๆ คุณยาย พี่ๆ ทุกคน ก็เป็นเหมือนพลังงานที่ดีมาก ที่ทำให้เรามีแรงขับเคลื่อนในแต่ละวัน"
เห็นว่าตอนนี้พี่ตูนเจ็บหนัก ?
"มันไม่ได้เป็นการเจ็บรุนแรงถึงขั้นวิ่งต่อไม่ได้ คนวิ่งมา 15 วัน วันละ 50 กว่ากิโล ก็มีบ้างที่ร่างกายจะเหนื่อยล้า อาจจะมีปวด ตึง กล้ามเนื้ออ่อนล้า แต่ไม่ใช่เกิดการฉีกขาดรุนแรงอะไร อย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ ส่วนอาการตอนนี้คือพี่ตูนมีปวดตรงข้อเท้าบ้าง แต่ทุกวันที่พี่ตูนวิ่ง ในแต่ละเซตๆ จะมีคุณหมอคอยทำกายภาพให้ตลอดและในวันที่หยุด ก็จะจัดกายภาพให้ชุดใหญ่เลย ดูแลรักษาให้ดีที่สุด รวมถึงเรื่องโภชนา ต้องดูแลครอบคลุมไปหมดทุกเรื่อง"
เรามีบอกเขาว่าถ้าหนัก อย่าหักโหมบ้างไหม ให้หยุดก่อนไหม ?
"ไม่เคยคิดถึงจุดนั้นเพราะเรารู้ว่า ตัวเขาเองรู้ลิมิตของตัวเอง ว่าตอนนี้ไหว ถ้าเจ็บก็บอกเจ็บ เขาไม่ได้ฝืนตัวเอง ตอนนี้ก้อยเชื่อว่า 15 วันที่ก้อยเห็น ใจเขาแข็งแรงมาก อาจจะแข็งแรงกว่าขาด้วยซ้ำไป แต่เขามีพลังในทุกวันที่ออกไป เราเชื่อว่าเขาไหวอยู่"
หลายคนกลัวพี่ตูนจะน็อกไปเลยระหว่างวิ่ง เรากลัวตรงนี้ไหม ?
"ตัวก้อยเองคุยกับคุณหมอตลอดเรื่องแบบนี้ อย่างที่หลายคนเคยบอกว่า ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว บางทีใจเราแข็งแรงกว่ากายซึ่งกายอาจจะรับไม่ไหวโดยที่เราไม่รู้ตัว ทุกวันที่เขาวิ่งเสร็จจะมีการตรวจร่างกายอย่างละเอียด ตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือด หาค่าต่างๆ เพื่อดูความสมดุลร่างกาย ฉะนั้นถ้าเกิดอะไรขึ้นคุณหมอจะทราบทันทีและรักษาให้เร็วสุด"
หมอให้ระวังอะไรเป็นพิเศษไหม ?
"คงเป็นเรื่องของการวิ่งๆ หยุดๆ ถ้าเปรียบร่างกายเป็นรถ เราขับรถเคลื่อนไปแต่ต้องเบรกตลอดเวลา และเวลาที่ต้องสตาร์ทใหม่ก็ต้องเพิ่มความเร็ว มันก็อาจจะมีเสื่อมมาก เวลาขับในต่างจังหวัดรถเราก็ขับเรื่อยๆ มันไม่เปลืองน้ำมัน แต่เวลาขับในกรุงเทพที่รถติดๆ ก็อาจจะใช้น้ำมันเยอะหน่อย แต่ก้อยมองว่าการเติมน้ำมันของพี่ตูนคือการได้เจอผู้คนระหว่างทาง ก็คือเป็นน้ำมันที่ดีที่สุดที่จะเติมพลังให้เขาได้ค่ะ"
การจัดระเบียบผู้คนระหว่างทาง ได้รับความร่วมมือขนาดไหน ?
"จริงๆ ทุกคนให้ความร่วมมือ แต่คนไม่ให้ความร่วมมืออาจจะเป็นพี่ตูน (ยิ้ม) เขาเป็นคนที่เต็มใจทำให้ทุกคน ต่อให้เราขอความร่วมมือจากประชาชน บางจังหวัดน่ารักมาก ทุกคนยืนรอรับเป็นแถว เรียงเดี่ยว ไม่พุ่งรุมเข้ามา แต่พี่ตูนเองอยากจะเข้าไปหาทุกคน เราห้ามเขาไม่ได้ ซึ่งก้อยเองก็ห้ามเขา เพราะก้อยเองก็ทำแบบเขา พอเรารู้ว่าเขาเจ็บ ก้อยเข้าไปช่วยรับบริจาคแทน เราวิ่งเห็นคุณยายก็ต้องวิ่งเข้าไปหาเหมือนกัน ก็เข้าใจความรู้สึกของเขา ถ้าปล่อยให้เขาวิ่งอย่างเดียว แล้วไม่แวะหรือไม่เข้าไปหาใครเลยมันจะเป็นการวิ่งที่แห้งแล้งมาก แต่ถ้าเขาทำแบบนี้ไปตลอดสองเส้นทางนอกจากได้เงินที่ระดมทุนช่วย 11 โรงพยาบาลแล้วมันยังสร้างความสุขและรอยยิ้มให้ผู้คนมันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก"
ตอนนี้ตูนกลายเป็นคนสำคัญของคนทั้งประเทศแล้ว ?
"ก้อยรู้ว่าเขาเป็นคนยังไงตั้งแต่ต้น เราสองคนยังคุยกันอยู่เลยว่ามันเป็นแบบนี้ได้อย่างไร แต่ก้อยไม่แปลกใจที่ในวันนี้ทุกคนรักพี่ตูนมาก เชื่อและศรัทธาในตัวเขา เพราะว่าในหลายๆ สิ่ง ที่เขาทำให้เห็น ตลอดเวลาที่รู้จักกันเขาได้เปลี่ยนแปลงก้อยไปหลายอย่าง เขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรแต่เขาทำให้เห็นและเราก็เปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว"
ตั้งแต่วิ่งมามีดราม่าเกิดขึ้นตูนรับมืออย่างไร ?
"ก้อยไม่ทราบว่าพี่ตูนรู้หรือเปล่า แต่เราไม่ได้มองตรงนั้นเป็นสาระสำคัญ เรามองว่าสิ่งที่เรากำลังทำเพื่อใคร เพื่ออะไร และเลือกที่จะทำมากกว่าที่จะพูด สังเกตว่าพี่ตูนก็ไม่ค่อยพูดอะไรเยอะ ส่วนตัวก้อยเองก็รู้เท่าที่ได้เจอและรู้สึก แต่ในเรื่องที่นอกเหนือจากนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน"
ตูนมองข้ามเรื่องดราม่าไปเลยหรือเปล่า ?
"เขาคงอยากทำให้เห็นมากกว่าพูด ส่วนประเด็นที่พี่ตูนออกมาชี้แจงว่ามีการโค้ดคำพูดที่อ้างว่าเขาพูดนั้นไม่จริง ที่เขาชี้แจงลงในไอจีเขาก็คงรู้สึกไม่สบายใจ เพราะว่ามันไม่ได้มาจากปากของเขาโดยตรง ตอนนี้เราก็ไม่ได้เจอพี่พี่สื่อมวลชนสักเท่าไหร่มันก็เป็นช่องทางส่วนตัวที่เขาจะสามารถชี้แจงเรื่องนี้ได้ถามว่าเขาซีเรียสขนาดไหนกับเรื่องนี้คือเขาเป็นคนรักสุนัข ตอนที่ก้อยได้เห็นข้อความนี้ก็คิดว่ามันไม่น่าจะมาจากปากเขาพอเขาเห็นก็บอกว่าเขาไม่ได้พูด เลยใช้พื้นที่ส่วนตัวใน อินสตาแกรม ชี้แจงเรื่องนี้ไป"
ล่าสุดในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงเมตตาประทานของเพื่อเป็นกำลังใจ ตูนและทีมงาน ?
“(ยกมือไหว้) ถือเป็นมงคลสูงสุดในชีวิตของทุกคนในทีมงานก้าวคนละก้าวทั้งตัวพี่ตูนก้อยและครอบครัวของพี่ตูนและทีมงานทุกคนซึ่งพระองค์ท่านก็ให้ ราชเลขานุการ ตัวแทนพระองค์มีกระแสรับสั่งว่าสิ่งที่พวกเราได้ทำอยู่ในพระเนตรพระกรรณ ตลอดเวลาทรงรับรู้และแสดงความห่วงใย รวมทั้งความอวยพรให้พี่ตูนมีสุขภาพแข็งแรง มีพลังทำภารกิจนี้ให้สำเร็จซึ่งก็ทำให้พวกเรามีกำลังใจมากและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ที่สุดแล้วในชีวิตนี้"
คนแซวว่าหลังจากวิ่งเสร็จก็อาจจะมีข่าวดีงานวิวาห์ ?
"ไม่รู้ค่ะ ตอบไม่ได้เลย ไม่ได้คิดเรื่องนี้ จริงๆ อยากจะโฟกัสสิ่งที่ทำตรงนี้ให้สำเร็จก่อนค่ะ"
อัลบั้มภาพ 20 ภาพ