ผู้ต้องหาหลุดปาก "ยาปลุกเซ็กส์" เอี่ยวคดีฆ่าหนุ่มเสริมสวยตรัง

ผู้ต้องหาหลุดปาก "ยาปลุกเซ็กส์" เอี่ยวคดีฆ่าหนุ่มเสริมสวยตรัง

ผู้ต้องหาหลุดปาก "ยาปลุกเซ็กส์" เอี่ยวคดีฆ่าหนุ่มเสริมสวยตรัง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้ต้องหาคดีฆ่าหนุ่มช่างเสริมสวยตรัง สารภาพเพิ่มกินยาปลุกเซ็กส์ที่มีขายในท้องถิ่น ทำให้ผู้เสียชีวิตช็อกตาย เพราะเคยเกิดกรณีแบบนี้มาเมื่อ 2-3 ปีก่อน ตร.เร่งตรวจสอบ

ความคืบหน้าคดีการเสียชีวิต นายภาคิน อายุ 32 ปี หนุ่มช่างเสริมสวยและเจ้าของร้านเวดดิ้งแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครตรัง พบศพอยู่ในรถเก๋งที่สนามกีฬาทุ่งแจ้ง จนกระทั่งชาวโลกโซเชียลไปพบรถยนต์ที่แจ้งหายไว้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2561 ตามข่าวที่รายงานไปแล้วนั้น

ล่าสุด พ.ต.ท ประเสริฐ สงแสง รองผู้กำกับการฝ่ายสอบสวน สภ.เมืองตรังได้เรียกพยานมาสอบปากคำเพิ่มเติมแล้ว 2 ปาก และในวันนี้ ได้นำตัว นายพีระพัฒน์ อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลจังหวัดตรังเป็นผัดแรก พบประวัติผู้ต้องหาเคยต้องโทษคดีลักทรัพย์เมื่อ 3 เดือนก่อน

ขณะที่หลังจากการผ่าพิสูจน์ศพที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ ในเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ส่งชิ้นเนื้อ เช่น ตับ ไต และม้าม ไปยังโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งจะทราบผลหรือสาเหตุการเสียชีวิตอีกประมาณ 3-4 สัปดาห์ ขณะนี้ตำรวจยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ภาพจากกล้องวงจรปิดและพยานบุคคล

นอกจากนี้ยังพบหลักฐานใหม่จากเพื่อนในกลุ่มชายรักชาย โดยระบุว่า นายภาคิน น่าจะทานยาปลุกเซ็กส์ชนิดใหม่ที่ชื่อ “กะปิ” เข้าไปเกินขนาดก่อนมีเพศสัมพันธ์ โดยผู้ตายมีอาการชักเกร็ง น้ำลายฟูมปาก และอาเจียนออกมา ขณะกำลังมีสัมพันธ์ทางเพศ ทำให้เกิดอาการช็อกและเสียชีวิตใน 3-4 นาทีต่อมา

กรณีเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อ 2-3 ปีก่อนกับกลุ่มชายรักชาย เกิดการเสียชีวิตในลักษณะคล้ายกัน เป็นลูกนักธุรกิจคนหนึ่งในตัวเมืองตรัง จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า คนที่ขายยา ”กะปิ” ให้กลุ่มชายรักชาย เป็นลูกเถ้าแก่ในตลาดแห่งหนึ่้ง ในวงการจะเรียกว่า ”ไอ้ฟันทูน” ซึ่งไอ้ฟันทูนกับนายภาคินก็เป็นเพื่อนและรู้จักกัน

รองผู้กำกับสอบสวน สภ.เมืองตรัง ยังกล่าวว่า วันนี้ได้นำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังแล้ว และจากคำให้การของพยานก็เชื่อว่า มีการกินยาปลุกเซ็กส์เพื่อทำให้มีอารมณ์ทางเพศคึกคัก กระทั่งเกิดอาการชักเกร็งและช็อกเสียชีวิต ส่วนเรื่องรูปคดีมีคืบหน้าไปมาก เนื่องจากผู้ต้องหารับสารภาพและนำชี้จุดเกิดเหตุที่เป็นข้อเท็จจริง แต่ยังรอเอกสารบางอย่างก็สามารถส่งฟ้องได้ ส่วนผู้ก่อเหตุจะมีมากกว่า 1 คนหรือไม่นั้น ต้องรอผลตรวจดีเอ็นเอในรถหรือตัวอย่างดีเอ็นเอจากผู้ต้องหา พร้อมภาพจากกล้องวงจรปิด

ทั้งนี้ ผู้ต้องหารับสารภาพว่า เดินมาจากจุดเกิดเหตุภายในสนามกีฬาและมาขึ้นรกจักรยานยนต์รับจ้างที่ ตรัง-สิเกา เพื่อขึ้นรถจักรยานยนต์รับจ้างออกไปคนเดียว โดยเอาทรัพย์สินของผู้ตายออกมาด้วย หลังได้ทรัพย์ก็นำทองรูปพรรณออกไปขาย

ส่วนผู้ต้องสงสัยอีกคน นายนนทวัฒน์ ซึ่งเป็นคู่ขากับผู้ต้องหา ขณะนี้ยังไม่พบว่าร่วมกระทำความผิด ทางตำรวจยังไม่แจ้งข้อกล่าวหา เพราะทรัพย์ที่ผู้ต้องหาได้มานั้น นำไปแปรสภาพโดยการขาย ซื้อทองรูปพรรณมามอบให้นายนนทวัฒน์ อีกครั้งหนึ่ง แต่ในทางการสืบสวนก็ยังดำเนินการไปหากพบพยานหลักฐานเพิ่มเติมเชื่อมโยงถึงใครก็จะดำเนินคดีทันที

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook