เหยื่อสาว เปิดใจ ถูกแท็กซี่อ้างมีองค์พ่อปู่ ลวงไปข่มขืนแก้กรรม

เหยื่อสาว เปิดใจ ถูกแท็กซี่อ้างมีองค์พ่อปู่ ลวงไปข่มขืนแก้กรรม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีที่โลกออนไลน์มีการแชร์คลิปวิดีโอจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ขณะจับโชเฟอร์แท็กซี่ที่ข่มขืนเพื่อนซึ่งทำงานด้วยกันที่ร้าน พร้อมเตือนคนที่ทำงานกลางคืนและกลับรถแท็กซี่คนเดียวก็ขอให้ระวังตัวด้วย

 ล่าสุด (3 ก.พ.) ทีมข่าวเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ เปิดเผยว่า ได้พูดคุยกับคนที่ถ่ายคลิปและอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว คือ นายพีระเนตร ซึ่งได้เผยว่า ก่อนหน้านี้ได้มีรุ่นน้องมาปรึกษาตนว่า รุ่นพี่ที่เป็นผู้หญิงถูกแท็กซี่อ้างว่ามีองค์พ่อปู่ หลอกทำพิธีสะเดาะเคราะห์จนต้องยินยอมไปมีเพศสัมพันธ์ด้วย

นอกจากนี้ ยังหลอกให้ซื้อของหลายๆอย่าง และเรียกไปทำพิธีเพิ่ม ขณะที่ฝ่ายหญิงพยายามตีตัวออกห่างไม่ยุ่งเกี่ยว กลับโดนข่มขู่และใช้ความกลัวเรื่องไสยศาสตร์ว่าจะทำของใส่ จนทำให้เรื่องราวไม่จบไม่สิ้น ตนจึงรับที่จะช่วยให้คนขับแท็กซี่เลิกยุ่งเกี่ยวกับฝ่ายหญิง

 นายพีระเนตร กล่าวต่อว่า จนคืนวันที่ 29 ม.ค. คนขับแท็กซี่ได้ติดต่อหาผู้หญิงเพื่อจะให้ไปทำพิธีที่วัดแห่งหนึ่ง ตนและเพื่อนอีก 2-3 คนจึงได้นัดแนะให้มารับที่ซอยหนึ่งในย่านพระราม 3 ซึ่งเป็นซอยตัน จากนั้นตนจึงเข้าไปพูดคุยแต่ฝ่ายแท็กซี่พยายามขับหนี จนทำให้เกิดการต่อสู้ชกต่อยกัน ซึ่งเมื่อแท็กซี่หมดทางสู้ก็ได้มีการถ่ายคลิปเพื่อหวังเป็นหลักฐานไม่ให้มายุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงอีก

หลังจบคลิปก็ได้นำตัวคนขับแท็กซี่ลงจากรถ จากนั้นโทรศัพท์มือถือของคนขับแท็กซี่ได้ตกลงมา ซึ่งเมื่อพวกตนได้เปิดดูไลน์กลับพบว่ามีคนที่น่าจะถูกหลอกเป็นจำนวนมาก โดยในข้อความก็จะมีพวกเกี่ยวกับการทำพิธีบูชา พร้อมมีการเรียกเงิน

 นายพีระเนตร กล่าวว่า เมื่อเห็นดังนั้นจึงคิดว่าน่าจะมีผู้เสียหายอีกจำนวนมาก ที่โดนเช่นเดียวกับน้องผู้หญิง จึงได้แจ้งตำรวจให้มาดำเนินการ เพราะตอนนั้นตนคิดว่าเป็นเรื่องอันตราย และอาจไปก่อเหตุเพิ่มเติมได้อีกเนื่องจากขับรถสาธารณะ จากนั้นเมื่อตำรวจรับตัวไปดำเนินการที่โรงพักแล้ว

แต่ต่อมาน้องผู้เสียหายยังไม่ได้แจ้งข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเพราะไม่ใช่พื้นที่เกิดเหตุ รวมทั้งน้องผู้หญิงต้องการเพียงแค่เรื่องจบไม่อยากยุ่งเกี่ยวอีก ทำให้ตำรวจได้ปล่อยตัวไป ตนจึงได้นำคลิปไปให้น้องที่รู้จักโพสต์ลงโลกออนไลน์ เพื่อเป็นการเตือนภัย เพราะไม่รู้ว่าขณะนี้คนขับแท็กซี่ยังขับรถรับส่งผู้โดยสารตามปกติหรือไม่

ขณะที่ น.ส.น้อง (นามสมมติ) ผู้เสียหาย บอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่าเป็นคนหัวอ่อนเชื่อคนง่าย โดยเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตนได้เรียกรถแท็กซี่ย่านเอกมัยจนทำให้รู้จักคนขับแท็กซี่คนดังกล่าวคือนายเอก (นามสมมติ) ซึ่งระหว่างทางได้มีการพูดคุยโดยนายเอกบอกว่ามีองค์พ่อปู่ พร้อมทั้งทำพิธีเรียกซึ่งตนก็เห็นว่าท่าทางเปลี่ยนไป รวมทั้งน้ำเสียงที่จากพูดกลางเป็นพูดเสียงเหน่อด้วย

นอกจากนี้ สามารถทายทักสิ่งของในห้องนอนตนว่ามีอะไร วางทางไหน และในร่างกายมีร่องรอยอะไร ซึ่งก็ตอบได้ถูกหมด จากนั้นได้ทักว่ามองเห็นวิญญาณในห้อง ซึ่งก็ตรงกับสิ่งที่ตนเจอบางอย่างในห้องจนทำให้เกิดความเชื่อ จากนั้นเขาได้บอกว่าตนมีกรรม และกรรมนี้ทำให้พ่อแม่เดือดร้อนไปด้วย ซึ่งยิ่งจี้ไปในความรู้สึกของตน

โดยนายเอกเสนอวิธีแก้โดยให้เหมารถไปไหว้พระ 9 วัดที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งตลอดการเดินทางจะต้องออกค่าใช้จ่ายให้เขาทั้งหมด เพราะเป็นตัวแทนองค์พ่อปู่ที่สะเดาะเคราะห์ ด้วยความเป็นห่วงครอบครัวจึงตกลง

น.ส.น้อง กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นนายเอกยังติดต่อมาหาตนอยู่เรื่อยๆ และบอกว่ากรรมของตนหนักจะต้องทำพิธีอาบแสงจันทร์ โดยต้องทำพิธีสมมติแต่งงานกับองค์พ่อปู่และหลับนอน 1 คืน เพื่อให้องค์พ่อปู่ปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไปจากตนและครอบครัว แต่หากไม่ทำจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นพร้อมทั้งข่มขู่ต่างๆ จนตนเกิดความกลัวจึงได้ยินยอม

 เมื่อถึงกำหนดนายเอกได้พาตนเข้าโรงแรมแห่งหนึ่งที่ จ.นนทบุรี จากนั้นเมื่อทำพิธีนายเอกบอกว่าต้องมีเพศสัมพันธ์กันจริงๆ และห้ามสวมถุงยางอนามัยด้วย ซึ่งขณะนั้นตนไม่ยินยอมแต่ก็ถูกข่มขู่จนกลัวและต้องฝืนใจมีเพศสัมพันธ์ด้วย พร้อมทั้งยังห้ามตนกินยาคุมและบอกว่าหากท้องก็ต้องเลี้ยงดูให้ดีเพราะถือเป็นตัวแทนขององค์พ่อปู่

น.ส.น้อง กล่าวว่า หลังจากนั้นนายเอกก็ยังติดต่อพูดคุย พร้อมเรียกร้องขอสิ่งของต่างๆ โดยบอกว่าเป็นความต้องการขององค์พ่อปู่ พร้อมข่มขู่อยู่ตลอด ทั้งจะทำให้ครอบครัวเดือดร้อน หรือทำของใส่ ส่วนของที่เรียกไม่ว่าจะเป็นแท็บเล็ต หรือของต่างๆ รวมทั้งจะให้ดาวน์รถให้ด้วย

แต่ตอนนั้นตนได้นำเรื่องนี้ปรึกษารุ่นน้องจนทำให้ตนได้สติและคิดว่าถูกหลอกลวง จนพยายามตีตัวออกห่างไม่ติดต่อ แต่ก็ถูกข่มขู่ต่างๆ จนสุดท้ายได้เกิดเหตุการณ์อย่างในคลิป ซึ่งหลังนำตัวนายเอกไปที่โรงพักตนต้องการไม่ให้เขามายุ่งเกี่ยวอีก โดยมีการลบเบอร์โทรศัพท์ และไลน์ต่อหน้าตำรวจ

ส่วนในเรื่องคดีข่มขืนกระทำชำเราอาจทำได้ยาก เพราะเหมือนตนยินยอมเอง แต่เบื้องต้นตนจะได้ไปโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจร่างกายเพื่อเป็นหลักฐานในภายหลัง ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวเป็นความเชื่อส่วนบุคคล และถือเป็นบทเรียนสำคัญที่จะต้องมีสติมากขึ้นด้วย

ขณะที่ เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก ได้ประสานกับตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ และเรียกผู้ประกอบการมาสอบข้อเท็จจริงแล้ว ทราบว่า พนักงานสอบสวนได้เรียกทั้งสองฝ่ายมาสอบสวนแล้ว ผลสรุปว่าทั้งสองฝ่ายรู้จักมาก่อน ซึ่งพนักงานสอบจึงได้ไกล่เกลี่ย และตกลงไม่ติดใจเอาความกัน พร้อมได้บันทึกไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้ว

 โดยเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก ได้ตรวจสอบพบว่า นายเอก มีความผิดฐานขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับรถ (ใบอนุญาตสิ้นอายุ) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน หนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท ซึ่งขณะนี้นายเอกไปทำธุระต่างจังหวัด ซึ่งจะมารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ในวันอังคารที่ 6 ก.พ. เพื่อนำตัวส่งดำเนินคดีต่อไป

ส่วนเจ้าของรถ ซึ่งเป็นของสหกรณ์แห่งหนึ่ง มีความผิดฐานไม่จัดส่งประวัติผู้ขับรถ และยินยอมให้ผู้ขับรถซึ่งไม่มีใบอนุญาตขับรถสาธารณะเข้าขับรถของตน จึงเปรียบเทียบปรับในอัตราสูงสุด รวม 3,000 บาท พร้อมบันทึกประวัติการกระทำผิดเพื่อนำไปใช้ประกอบการพิจารณาการบรรจุรถเพิ่มเติมต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook