ทนายษิทรา เผยคดีหวย 30 ล้าน เตือนครูปรีชารับผิดชอบการกระทำหากเป็นเท็จ

ทนายษิทรา เผยคดีหวย 30 ล้าน เตือนครูปรีชารับผิดชอบการกระทำหากเป็นเท็จ

ทนายษิทรา เผยคดีหวย 30 ล้าน เตือนครูปรีชารับผิดชอบการกระทำหากเป็นเท็จ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คดีหวย 30 ล้าน ปัจจุบันคดีได้ถูกโอนย้ายมายังกองบังคับการปราบปรามเป็นผู้รับผิดชอบคดี ตามคำสั่งของ ผบ.ตร.

ซึ่งล่าสุด ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ที่ทำหน้าที่เป็นทนายความให้กับ ลุงจรูญ หรือ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการเกษียณตำรวจ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค โดยมีข้อความระบุว่า

"ในที่สุดคดีแก๊งโจรชิงหวยของคุณลุงจรูญที่ถูกดำเนินการมาอย่างบิดๆ เบี้ยวๆ ก็ถูก ผบ.ตร.สั่งให้กองปราบ เข้ามารับผิดชอบแทน ภ.7 ต่อจากนี้ประชาชนทั้งประเทศก็ต้องช่วยกันติดตามต่อไปครับว่าผู้รับไม้ต่อจะสร้างความยุติธรรมและสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคมไทยได้มากน้อยแค่ไหนเพียงใด"

"คดีนี้มีผู้คนส่วนใหญ่ล้วนให้ความเห็นพร้อมสรุปว่าต้องให้ไปจบที่ศาล ต้องให้ศาลเท่านั้นเป็นผู้ตัดสินว่าใครคือเจ้าของหวยที่แท้จริง ผมเองเห็นด้วยครับ แต่ต้องเป็นกรณีที่ครูปรีชาและพยานต้องมั่นใจในพยานหลักฐานของตนและยื่นฟ้องเองต่อศาล จนผ่านกระบวนการไต่สวนมูลฟ้อง คดีมีมูล ศาลประทับรับฟ้อง สืบพยานทั้งฝ่ายคุณลุงและครู แล้วจบที่ศาลตัดสินครับ ถ้าครูใช้วิธีการนี้ ผมยอมรับครับ เพราะเป็นวิธีที่ขาวสะอาด ปราศจากข้อสงสัยแน่นอน"

"แต่วิธีการที่ผ่านมามันไม่ใช่ครับ คดีนี้ครูกลับยืมมือตำรวจเข้ามาจัดการตั้งแต่เริ่มต้น แต่เมื่อวิธีการขู่ปลอบไม่สำเร็จก็หันไปเล่นวิธีอื่นแทน จะยังไงก็ขอถูไถไปให้ได้เพราะฝ่ายตนกุมทั้งคนและเอกสารสำนวนไว้ในมือและทีมครูก็กะโยนภาระให้พนักงานอัยการและศาลพิจารณา โดยกะวัดดวงซึ่งถ้าแพ้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าชนะก็ถือว่าส้มหล่น ในใจครูกับพวกคงหวังลึกๆ ว่าโชคคงเข้าข้างฝ่ายตนอยู่บ้างเพราะคิดว่ามีตัวช่วยเหลือเฟือ กองหลังก็เพียบทั้งพยานบุคคลและอำนาจเจ้าหน้าที่รัฐ ดังนั้นความบิดเบี้ยวของคดีมันก็เลยเกิดขึ้น เพราะหากคนทำสำนวนร่วมมือกันเล่นแร่แปรธาตุ นำพยานหลักฐานเท็จเข้าสู่สำนวนการสอบสวน แล้วตัดพยานหลักฐานที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายตรงข้ามออก แค่นี้ก็เข้าทางครูและพวกแล้วครับ"

                                                       ลุงจรูญ                            ครูปรีชา 

"ผมขอถามกลับไปยังทั้งผู้รู้และไม่รู้กฎหมายที่พากันยิงคำถามดังกล่าวมาที่ผมหน่อยครับว่าคดีคุณลุงจรูญที่ง่ายแสนง่ายและไม่ซับซ้อนอะไรเลย จำเป็นที่จะต้องนำขึ้นสู่ศาล มาเป็นคดีที่รกศาล เสียงบประมาณของทางราชการกับเรื่องไม่เป็นเรื่องด้วยหรือครับถ้าทุกฝ่ายทำกันด้วยความบริสุทธิ์ใจและเที่ยงธรรม"

"คดีนี้เริ่มต้นก็มีพิรุธแล้วครับซึ่งเป็นที่รู้ๆกัน แต่เอาล่ะ ในเมื่อตำรวจก็เป็นต้นทางของกระบวนการยุติธรรมและครูก็มีสิทธิ์ที่จะแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษผู้อื่นเมื่อเห็นว่าตนเองถูกละเมิด (ซึ่งครูกับพวกจะต้องรับผิดชอบในการกระทำด้วยเช่นกันหากเป็นเรื่องเท็จ) และเมื่อรับแจ้งแล้ว ตำรวจที่รับผิดชอบได้รวบรวมพยานหลักฐานด้วยใจที่บริสุทธิ์หรือไม่ เรื่องนี้ผมไม่จำเป็นต้องตอบเพราะไม่ใช่หน้าที่ของผม"

"แต่ผู้มีหน้าที่ย่อมรู้ตัวดีว่าได้ทำอะไรไปบ้าง ครูยืมมือตั้งแต่มีการเรียกคุณลุงไปพบทั้งที่โรงพักและที่บ้านพัก วันนั้นถ้าคุณลุงเป็นมิจฉาชีพจริงก็คงยอมวินวินไปแล้ว แต่เมื่อคุณลุงไม่ยอมก็เลยหาเรื่องลามปาม ทำสารพัดวิธี จะเพื่อข่มขู่หรือบีบหรือต่อรองหรือเพื่ออะไรนั้นผมคงไม่ต้องอธิบาย และเมื่อผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ออกมาก็ไม่ยอมรับกันอีก ยังดึงดันที่จะเดินหน้าต่อโดยการขุดพยานที่โผล่จากในหลุมมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยมาช่วยกันเสริมแต่งให้เนียน"

"ซึ่งเมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดและใช้ความเป็นเหตุเป็นผลประกอบแล้ว พยานหลักฐานเหล่านี้หรือครับที่จะมีน้ำหนักมาใช้แจ้งข้อกล่าวหาแก่คุณลุง แค่พยานหลักฐานที่อ่อนปวกเปียกอย่างนี้หรือครับที่ตำรวจจะกล้าสั่งฟ้องให้ผ่านพนักงานอัยการจนไปถึงศาล"

"ภาระพิสูจน์ว่าครูเป็นเจ้าของหวยขาวสะอาดแค่ไหน คดีนี้ต่อให้คุณลุงบอกว่าซื้อจากแม่ค้า ก. ผมว่าเขาก็คงปฏิเสธทุกแผงตั้งแต่แม่ค้า ก.จนถึง ฮ.แน่ เพราะคุณลุงไม่ใช่พวกเขา เขาตั้งธงไว้แล้ว แม้คุณลุงจะหาพยานหลักฐานอะไรมาเขาก็คงไม่ฟังแน่ ผมก็เลยปักธงว่าภาระการพิสูจน์ต้องอยู่ที่ครู ที่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าหวยที่ครูอ้างนั้นเป็นของครูจริงๆ โดยปราศจากข้อสงสัย และต้องพิสูจน์ด้วยว่าคุณลุงไปลักขโมย ยักยอกหรือรับของโจรจากใครด้วยวิธีการใด ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีพิสูจน์ฝ่ายผู้กล่าวหาด้วยและตรงกับตัวบทกฎหมายที่คนส่วนใหญ่มองข้ามกัน เพราะส่วนใหญ่เข้าใจผิดและคิดอยู่อย่างเดียวว่าผู้ถูกกล่าวหาต้องหาพยานหลักฐานมาแก้ข้อกล่าวหาแต่เพียงฝ่ายเดียวให้ได้ เมื่อหาไม่ได้ก็ต้องสั่งฟ้องลูกเดียว ผมเห็นว่าวิธีการนี้น่าจะมีการปรับแนวคิดได้แล้วครับ โดยเฉพาะตำรวจที่เป็นต้นทางของกระบวนการยุติธรรม"

"คุณครูกับพวกย่ามใจคิดว่าตนเองเป็นต่อ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะตั้งประเด็นคำถามให้ครูและพยานตอบ ผมจะถามโดยที่คุณลุงไม่จำเป็นที่จะออกอาวุธอะไรเลย ผมจะยึดตัวบทกฎหมายให้ครูกับพวกพิสูจน์พยานหลักฐานฝ่ายตนจนปราศจากข้อสงสัย แล้วมาลองดูกันว่าอย่างนี้หรือที่จะมาแจ้งข้อกล่าวหาและจะมาสั่งฟ้องคุณลุง"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook