เมื่อหนุ่มหล่อลุคเพลย์บอย ที่ชอบใช้ชีวิตอยู่กับแสงสี เที่ยวเตร่ และติดเพื่อน กลายเป็นหัวหน้าครอบครัวเล็กๆ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก โดยมีภรรยา "บี พลอยพัชชา" เป็นแรงสนับสนุนหลัก และมีลูกสาว "น้องพลอยเจ" วัยกำลังน่ารักเป็นแรงผลักดัน ทำให้ชีวิตในวันนี้ของ "จิม เจจินตัย อันติมานนท์" มาอยู่ในจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ ที่ความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำว่า ปาร์ตี้ แต่กลายเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า และนั่นก็คือ ครอบครัว
“ชีวิตเปลี่ยนไปมหาศาลเลยนะครับ ตั้งแต่มีอีกชีวิตหนึ่งเกิดขึ้นมา จากที่เมื่อก่อนผมเคยเป็นคนสนุกสนาน เพลย์บอย เที่ยวเตร่ ติดเพื่อน แต่ว่าตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่าผมต้องจริงจังกับชีวิตให้มากขึ้น ผมต้องมีเป้าหมายให้กับชีวิตตัวเอง และไม่ใช้คำว่า “อะไรก็ได้” กับชีวิตอีกต่อไป คือชีวิตมันไม่ได้เป็นแค่การตามใจฉันอีกต่อไป เพราะเราต้องคิดทุกสิ่งทุกอย่างให้มากกว่าเดิม และยอมรับเลยครับว่า ตอนนี้ผมกลายเป็นคนที่ติดครอบครัวติดบ้านไปแล้ว ส่วนเรื่องสังคมปาร์ตี้ ณ ตอนนี้ถือว่าจบไปแล้วครับ เพราะผมรู้สึกสนุกกับการเลี้ยงลูกมากกว่า ไม่อยากจะพลาดช่วงเวลาที่ได้อยู่กับเขาแม้แต่วันเดียว”
สำหรับ จิม เจจินตัย ถึงแม้ว่าตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ในทุกช่วงของชีวิตเจ้าตัวเลือกที่จะให้ความสำคัญกับคำว่า เพื่อน เป็นที่หนึ่ง แต่เมื่อถึงจุดที่มีอีกหนึ่งชีวิตเกิดขึ้นมา และมีครอบครัวเล็กๆ ให้ต้องดูแล ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่การตัดสินใจที่ลำบากนักในการจัดลำดับความสำคัญ เพราะ จิม เจจินตัย มองว่า คำว่าเพื่อนยังไงก็มีมิตรภาพให้ได้ตลอดชีวิต แต่สำหรับครอบครัวนั้น จำเป็นอย่างมากที่จะต้องแข็งแรงและอยู่บนพื้นฐานของความสุข
“ผมมองว่าการได้อยู่พร้อมหน้าครอบครัวมันเป็นอะไรที่มีความสุขมากเลยนะ เวลาที่เราอยู่ด้วยกันพร้อมหน้ามี ผม ภรรยา ลูก คุณแม่ และก็น้องสาว มันเป็นความรู้สึกที่แข็งแรงมาก ไปไหนไปกัน ได้หมด ส่วนเพื่อนยังไงก็ตลอดชีวิตครับ เพื่อนเข้าใจว่าทำไมผมถึงรู้สึกแบบนี้ ซึ่งนั่นเกิดจากคำเพียงคำเดียว คือคำว่า “ลูก” ลูกทำให้ครอบครัวเราแข็งแรง ลูกทำให้ครอบครัวเราได้อยู่พร้อมหน้ากัน ลูกนำพาทุกคนมาอยู่ด้วยกันตรงกลาง และกิจกรรมของเราทุกวันนี้คือการทำเพื่อเขาให้ดีที่สุด ทุกอย่างเพื่อลูกหมดเลย ชีวิตตอนนี้สนุกมากเลยครับ มันเป็นชีวิตที่ปลอดภัยและมีความสุขมากจริงๆ”
“ผมอยากให้ครอบครัวของผมอยู่บนพื้นฐานของความสุข หากมีปัญหาหรือมีเรื่องไม่สบายใจอะไรก็แล้วแต่ เราจะไม่ปิดบังกัน เราจะพูดคุยกันในทุกๆ เรื่อง ผมไม่อยากให้ลูกต้องโตมาแล้วรู้สึกเกร็งกับการเรียนรู้ชีวิต ผมอยากให้เขาได้มีอิสระในสิ่งที่เขาอยากทำ แต่ว่าสิ่งนั้นต้องเป็นสิ่งที่ดีและไม่เป็นสิ่งที่ทำให้ใครเดือดร้อน นั่นคือความสุขที่ผมอยากให้เกิดขึ้นในครอบครัวของผมครับ”
ไม่เพียงแต่การมีครอบครัวจะทำให้ชีวิตอดีตของเพลย์บอยคนนี้เปลี่ยนไปเท่านั้น แต่สถานะหัวหน้าครอบครัวซึ่งเป็นเสาหลักของบ้านและมีคนที่รักให้ต้องดูแล จึงทำให้วันนี้ จิม เจจินตัย เข้าใจหัวอกของคนเป็นพ่อเป็นแม่มากขึ้น ถึงแม้บางครั้งในใจจะรู้สึกกังวลว่าตัวเองอาจจะทำหน้าที่นี้ได้ไม่ดี แต่ก็เชื่อว่าเมื่อถึงเวลานั้นสัญชาตญาณของความเป็นพ่อจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับลูกแน่นอน
“ทุกวันนี้ผมเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่มากๆ และการที่ผมได้มีโอกาสเลี้ยงลูกเองมันเป็นอะไรที่เหนื่อยมากเลยนะครับ ซึ่งผมยังสงสัยอยู่เลยว่า แม่เลี้ยงเรามาได้ยังไง คือเหมือนเราได้สัมผัสไปถึงความเหนื่อยของแม่ แม่ต้องผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะเลี้ยงเราจนได้เป็นผู้เป็นคนขนาดนี้ ทุกวันนี้ผมเข้าใจแม่มากขึ้น คุณแม่เก่งมากๆ สิ่งไหนที่ผมพอจะสอบถามหรือพอจะเรียนรู้จากประสบการณ์ของแม่ได้ ผมก็ยินดีรับฟัง ส่วนคุณพ่อของผมท่านเสียไปแล้วครับแต่ผมตั้งใจไว้นะครับว่าจะนำเรื่องราวของคุณพ่อผมไปเล่าต่อให้ลูกผมฟัง เพราะคุณพ่อเป็นฮีโร่ของลูกทุกคน ชีวิตของพ่อสนุกมาก ลูกต้องสนุกที่ได้ฟังแน่นอน”
“ก่อนหน้านี้ผมเคยกังวลนะครับว่าผมจะสามารถเลี้ยงลูกได้ดีไหม แต่เมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ แล้วปรากฏว่าสัญชาตญาณของความเป็นพ่อเป็นแม่มันก็เกิดขึ้นมาเอง ผมไม่ได้จะบอกว่าผมเลี้ยงดีหรือเลี้ยงเก่งนะครับ แต่ผมมองที่ผลของลูกผม ทุกวันนี้ผมเห็นเขาเติบโตมาอย่างสมบูรณ์แข็งแรงในทุกวัน เป็นเด็กน้อยที่อารมณ์ดีฉลาดเฉลียว ดังนั้นผมจึงค่อนข้างมั่นใจว่าในวิธีของผม ผมก็ทำได้ถูกต้องแล้ว”
ถึงแม้ว่าเรื่องราวของ จิม เจจินตัย อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ที่คุณเคยได้ยิน สำหรับเรื่องของหนุ่มเพลย์บอยรักปาร์ตี้ที่เปลี่ยนชีวิตตัวเองเพราะคำว่าครอบครัวและลูก แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความรัก นั้นมีอยู่จริง และมันก็เป็นพลังยิ่งใหญ่ที่เคยเปลี่ยนชีวิตของใครหลายคนมาแล้วเช่นกัน
อัลบั้มภาพ 20 ภาพ
ขอขอบคุณ
ภาพ :@jayjintai