“เชพจิ๊บ” ความสำเร็จเกิดขึ้นได้..เมื่อถูกจุดประกาย

“เชพจิ๊บ” ความสำเร็จเกิดขึ้นได้..เมื่อถูกจุดประกาย

“เชพจิ๊บ” ความสำเร็จเกิดขึ้นได้..เมื่อถูกจุดประกาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     หนึ่งในอาชีพฮอตขาขึ้นของยุคนี้ คงไม่พ้น อาชีพ ‘เชฟ’  แต่กว่าจะมาเป็นเชฟได้นัน ไม่ง่าย ดังตัวอย่างของเธอคนนี้ “เชฟจิ๊บ” ที่ความสำเร็จในวันนี้ ได้รับการจุดประกายจากกระบวนการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยที่ฉีกขนบเดิมไปอย่างสิ้นเชิง

     เรื่องราวของ เชฟจิ๊บ - ชภรภัช ดาภาชุติสรรค์  กับความสำเร็จในอาชีพเชฟของเธอในวันนี้   มีจุดเริ่มต้นเมื่อ 15 ปีก่อน ในวันที่เธอได้ค้นพบตัวเองในชั่วโมงปฏิบัติงานแผนกครัวและอาหารซึ่งส่วนงานหนึ่งในการเรียนสาขาการจัดการการโรงแรมว่า การทำอาหารเป็นความสุขที่สุดในชีวิตของเธอ   

     ความสุขนี้ถูกสมทบเพิ่มขึ้นเมื่อเธอได้รับโอกาสฝึกฝนการทำงานในโรงแรมมีชื่อเสียงระดับห้าดาว ณ กรุงลอนดอน  ประกายความคิดในชีวิตจึงถูกจุดขึ้นมาอย่างเร่งเร้าและเจิดจ้า  นี่คือจุดเปลี่ยนชีวิตเด็กหญิงคนหนึ่งจากนักเรียนทุนนักกีฬาบาสเกตบอลก้าวสู่เชฟระดับมิชลินสตาร์   และเธอขอยกเครดิตความสำเร็จทั้งหมดให้กับมหาวิทยาลัยกรุงเทพ 

     เชฟจิ๊บ  หญิงสาววัย 34 ปี บุคลิกจริงจัง พูดเสียงดังฟังชัด ในแววตาของเธอมีความมุ่งมั่นฉายชัดตลอดการสนทนา  เธอยอมรับว่า ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยเป็นช่วงเวลาสำคัญในการจุดประกายความคิดให้กับตัวเอง แต่การกระตุ้นความทะยานอยากภายในใจคนต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ที่ไม่อาจหาได้จากห้องเลคเชอร์  สำคัญที่สุดคือ ความทะยานอยากนั้นต้องการการสนับสนุน การเปิดโลกทัศน์ และการให้โอกาสได้ลงมือทำจริง 

     “เป็นนักเรียนทุนนักกีฬา และเลือกเรียนสาขาการโรงแรมและท่องเที่ยวเพราะได้รับคำแนะนำว่า เป็นนักกีฬาอย่าเรียนอะไรยาก  แต่เราไม่เชื่อ  เธอจึงเริ่มต้นความท้าทายในชีวิตนักศึกษาอย่างตื่นเต้น เพราะการเรียนรู้ในสาขานี้ที่นักศึกษาต้องฝึกตนเองอย่างเคี่ยวกรำในทุกสายงานการบริการโรงแรม ความเป็นนักกีฬาทำให้เธอชอบการเคลื่อนไหว การเรียนรู้วิชาการต่างๆ ผ่านการปฏิบัติและฝึกทักษะความชำนาญจึงเป็นแนวทางที่ใช่ เพราะแม้แต่การเข้าฟังเลคเชอร์ในห้องเรียนรวม นักศึกษาก็ยังถูกระตุ้นให้ใช้ความคิดตลอดเวลาด้วยปัญหาท้าทายที่อาจารย์ส่งผ่านมาให้ได้ช่วยกันถกเถียงและหาข้อสรุปก่อนลงมือปฏิบัติ

     ขึ้นชั้นปีที่สาม โพรไฟล์การเรียนและการสั่งสมชั่วโมงการฝึกงานทุกสายงานการโรงแรมมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ทำให้เธอถูกคัดเลือกให้ไปฝึกงานที่อังกฤษ โดยการสนับสนุนของมหาวิทยาลัยและการดูแลใกล้ชิดจากคณาจารย์ เราจุดประกายตัวเองเลยว่าในอนาคตเราจะเป็นเชฟ”  เมื่อกลับมาเมืองไทยจึงตั้งเป้าหมายชีวิตเอาดีสู่การเป็น เชฟ   

     เชฟจิ๊บเล่าว่า มหาวิทยาลัยกรุงเทพทำให้เธอรู้จักตัวเอง รู้ว่าอนาคตเธอจะเดินไปทางไหนและเดินไปอย่างไร  เส้นทางสู่การเป็นเชฟ เริ่มต้นหลังเรียนจบ  เป็นอาจารย์ในคณะนั่นเองที่ให้คำแนะนำและโค้ชแนวทางสร้างเสริมประสบการณ์เพื่อมุ่งสู่การเป็นเชฟมืออาชีพ  อาจารย์แนะนำให้ไปสอบเข้าทำงานในหลักสูตรของโรงแรมโอเรียลเต็ล  ในยุคนั้นสถานที่ทำงานชั้นนำที่บรรดาเชฟหน้าใหม่ควรต้องไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์คือการทำงานกับโรงแรมโอเรียลเต็ลและโรงแรมดุสิตธานี  เชฟจิ๊บ เลือกสอบตามคำแนะนำของอาจารย์และเป็นเพราะที่นี่ใช้เวลาเรียนรู้สั้นกว่า

     ทำไมระยะเวลาจึงมีความสำคัญนัก ?  ตอนที่ไปฝึกงานปี 3 ที่อังกฤษ เราอายุ 20 ไปเจอเพื่อนต่างชาติอายุ 18 แต่ทำทุกอย่างได้หมดแล้ว  ความท้าทายในชีวิตเราก็พุ่งขึ้นมาเลยว่า  เวลาไม่คอยท่านะ  เราต้องใช้เวลาน้อยที่สุดที่จะฝึกฝีมือตัวเองและเดินหน้าต่อไปในสายอาชีพนี้ให้ได้  ความมุ่งมั่นชัดเจนและรู้จักคิดวางแผนชีวิตเช่นนี้  ส่งผลให้เชฟจิ๊บก้าวขึ้นเป็น Executive Chef ได้เมื่ออายุ 24 ปี ..ความสำเร็จเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น 

     เชฟจิ๊บทำงานที่โอเรียลเต็ล 1 ปีเรียนรู้ฝึกฝนทุกส่วนงานครัวไทย เมื่อบรรลุเป้าหมายด้านอาหารไทย เธอวางแผนเพิ่มทักษะอาหารตะวันตก  แน่นอน  สถานที่เหมาะที่สุดก็คือโรงแรมในต่างประเทศ และด้วยการสนับสนุนจากอาจารย์และเชฟชั้นครูที่ดูแลการทำงานของเธอ  เชฟจิ๊บจึงมีโอกาสไปทำงานที่อังกฤษอีก ชีวิต 2 ปีในอังกฤษหนักหนาสาหัสแต่ก็นับว่าคุ้มค่ามากทั้งเรียนทั้งทำงานหลักและทำงานพิเศษ  ตอนนี้เชฟจิ๊บมีความเชี่ยวชาญอาหารและเทคนิคครบทั้งครัวไทยครัวฝรั่ง   แต่การเรียนรู้สิ่งใหม่สำหรับเชฟจิ๊บยังคงมีต่อ ก่อนจะมาปั้นฝันของตัวเองให้เป็นจริงในประเทศไทย เราพาตัวเองไปทำงานที่โฟร์ซีซั่น ออสเตรเลียอีก 6 เดือนเพื่อเรียนรู้อาหารซีฟู้ดก่อนกลับมาไทย  เหตุผลที่เป็นออสเตรเลียเพราะที่นี่มีวัฒนธรรมการกินอาหารทะเลคล้ายประเทศไทย

     เมื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทำงานมากพอแล้ว เชฟจิ๊ปจึงกลับมาสร้างทางอาชีพของตนเอง  คอนเน็คชั่นที่เคยมีกับโอเรียลเต็ลและในแวดวงเชฟทำให้เธอมีโอกาสได้แสดงฝีมือเต็มที่กับการเป็นเชฟให้กับโรงแรมหรูหกดาว ได้ให้บริการในฐานะไพรเวทเชฟให้กับคนดังระดับซูเปอร์ไฮเอนด์และคนในสังคมชั้นสูงทั้งคนไทยและต่างประเทศ  และที่นี่เองเชฟมิชลินสตาร์สองดาวจากฝรั่งเศสได้ลิ้มรสเมนูซีฟู้ดพิเศษของเธอและบอกว่าถ้ามิชลินจะติดดาวอาหารและบริการของที่นี่ระดับดาวที่ให้ได้คือหนึ่ง  พร้อมกับเอ่ยปากชวนเธอไปทำงานกับเขา  หลังจากนั้น 2 เดือน เชฟจิ๊บบินไปฝรั่งเศสใช้เวลา 2 สัปดาห์เรียนรู้การทำงานของเชฟดาวมิชลินในร้านอาหารที่มีลูกค้าเต็ม 300 คนทุกวัน  เชฟเจ้าของร้านถ่ายทอดความรู้อย่างมืออาชีพให้เธออย่างหมดเปลือกพร้อมกับได้รับกำลังใจว่า กลับไปสร้างทีมของตัวเอง  เธอทำได้แน่

    วันนี้ เชฟจิ๊บ เปิดเส้นทางอาชีพเชฟได้อย่างตั้งใจกับ 3 กลุ่มธุรกิจบริการอาหารและเครื่องดื่มที่เก็บครบกลุ่มลูกค้าทุกระดับบริการตรงด้วยฝีมือเชฟระดับมิชลินสตาร์  ทั้งในฐานะที่เป็น Private Chef Table ที่มีคิวจองตัวไปให้บริการในต่างประเทศแบบไม่ขาดระยะ (facebook : Private CHEF Table by CHEF JIB,Thailand)  ในฐานะ Executive Chef กับทีมงานฝีมือดีให้บริการอาหารซีฟู้ดสดสะอาดราคาสบายกระเป๋ากับร้าน เฮียโป้ Seafood by Chef Jib  งามวงศ์วาน (facebook : เฮียโป้กุ้งเผา) และเบเกอร์รี่แอนด์คอฟฟี่ ร้านอาหารและของว่างสำหรับกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ

    “ทั้งหมดเริ่มต้นจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ  ที่ที่จุดประกายให้ชีวิตเราก้าวมาถึงจุดนี้ได้  เชฟจิ๊บ บอกว่า ยังมีนักศึกษาอีกหลายคนที่มีความฝันแบบเดียวกับเธอ จึงดีกว่าหากเธอจะได้ช่วยผลักดันและสนับสนุนความฝันเหล่านั้นให้เกิดเป็นจริงได้ในฐานะอาจารย์พิเศษ หลักสูตรใหม่ (นานาชาติ) สาขา Culinary Arts&Design คณะมนุษยศาสตร์และการจัดการการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยกรุงเทพ  เครื่องมือปั้นฝันให้คนที่รักและชอบการทำอาหารได้สร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองอยู่เสมอภายใต้กระบวนการเรียนการสอนที่ไม่ได้อยู่ในขนบเดิมที่คณาจารย์จะเป็นป้อนความรู้ให้ลูกศิษย์ หากแต่ทำหน้าที่เป็นโค้ชชี้นำแนวทาง  แบ่งปันประสบการณ์ให้  partnership & Business Connection ของมหาวิทยาลัยส่งเสริมให้ตลอดการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยกรุงเทพเป็นสร้างโอกาสให้นักศึกษาได้ลงมือปฏิบัติและฝึกฝนทักษะการทำงานในสายงานที่ชื่นชอบอย่างเต็มที่เพื่อพร้อมสำหรับการเรียนรู้ต่อไปอย่างไม่สิ้นสุดเมื่อก้าวเข้าสู่การทำงานในโลกธุรกิจจริง  

 

 

 
               

[Advertorial]

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook