เปิดสถานการณ์สิทธิมนุษยชน “แอมเนสตี้” วอนรัฐเลิกละเมิดสิทธิเสรีภาพ!

เปิดสถานการณ์สิทธิมนุษยชน “แอมเนสตี้” วอนรัฐเลิกละเมิดสิทธิเสรีภาพ!

เปิดสถานการณ์สิทธิมนุษยชน “แอมเนสตี้” วอนรัฐเลิกละเมิดสิทธิเสรีภาพ!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนประจำปี 2560/61 จากการรวบรวมและวิเคราะห์สถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนใน 159 ประเทศตลอดปีพ.ศ. 2560

พบว่าหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย มีความพยายามคุกคามเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมอย่างสงบของประชาชนอย่างหนัก

dsc0765logo1

แอมแนสตี้พบว่านักปกป้องสิทธิมนุษยชน นักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม นักศึกษา ชาวบ้านที่เรียกร้องสิทธิชุมชน ทนายความ สื่อมวลชน นักวิชาการ และประชาชนทั่วประเทศไทย ถูกภาครัฐและเอกชนละเมิดเสรีภาพในการแสดงออกอยู่ตลอด

โดยกฎหมายที่ถูกนำมาใช้เพื่อจำกัดสิทธิ ได้แก่ มาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว / มาตรา 116 ในประมวลกฎหมายอาญา / พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และคำสั่ง คสช. ที่ 3/2558  ซึ่งทั้งหมดมีเนื้อหาตีความขัดต่อมาตราฐานด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีพันธกิจต้องปฏิบัติตาม

logodsc07647

325582parliamentคำสั่ง คสช. 3/2558

32558parliamentคำสั่ง คสช. 3/2558และเนื่องในปีนี้ครบรอบ 70 ปี ของปฏิญาณสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights – UDHR) แอมเนสตี้จึงขอยื่นข้อเรียกร้องให้ทางการไทย 7 ข้อหลัก ต่อรัฐบาลคือ

1. ยกเลิกคำสั่ง คสช. ที่ 3/2558 และกฎหมายอื่นๆ ที่ละเมิดเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมอย่างสงบ ริดรอนสิทธิในการแสดงออกอย่างเสรีภาพ

2. เรียกร้องยุติการจับกุมควบคุมตัวโดยพลการ

3. ยุติการนำพลเรือนขึ้นศาลทหาร

4. ผ่านร่างพระราชบัญญัติป้องกันการทรมานและการอุ้มหาย

5. ปกป้องคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ให้ทำงานอย่างปลอดภัย

6. ไม่ส่งกลับผู้ลี้ภัยไปประเทศที่อันตราย และสานต่อการจัดตั้งระบบคัดกรองผู้ลี้ภัยให้ใช้งานได้จริงตามมาตรฐานสากล

7. ลดโทษประหารชีวิต

logodsc07645นางปิยนุช โคตรสาร ผอ.แอมเนสตี้ ประเทศไทย (ซ้าย) / ดร.อันธิฌา แสงชัย รองประธานกรรมการ แอมเนสตี้ ประเทศไทย (ขวา)

116krisdikaประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116

112krisdikaประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

ทั้งนี้ในทุกปีแอมเนสตี้ส่งจดหมายเชิญให้นายกรัฐมนตรี เดินทางมารับเอกสารรายงาน แต่ในปีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นากยรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. มอบหมายให้ น.ส.ปิติกาญจน์ สิทธิเดช อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม มารับรายงานแทน

อย่างไรก็ตามในรายงานของแอมเนสตี้ยังระบุว่า ประเทศไทยยังคงดำเนินคดีอย่างเข้มงวดตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา หรือความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมักพิจารณาคดีแบบลับ

โดยเรื่องนี้รายงานของแอมเนสตี้กล่าวถึง กรณีศาลพิพากษาลงโทษจำคุก นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ เป็นเวลา 2 ปีครึ่ง  เพราะเห็นว่ามีความผิดเมื่อแชร์บทความหนึ่งของสำนักข่าวบีบีซีบนเฟสบุ๊ก ในรายงานยังกล่าวถึงการแจ้งความดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนักวิชาการคนสำคัญ นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ เพราะความเห็นของเขาเกี่ยวกับสงครามยุทธหัตถีของพระมหากษัตริย์ที่เกิดในศควรรษที่ 16

logodsc07652

อย่างไรก็ดีในรายงานยังกล่าวว่ามีการกดดันเฟซบุ๊ก กูเกิ้ล และยูทูบ ให้ลบเนื้อหาทางอินเตอร์เน็ต รวมถึงเนื้อหาที่วิพากษ์วิจารย์สถาบันพระมหากษัตริย์ และยังขู่ที่จะดำเนินคดีกับผู้บริการอินเตอร์เน็ตที่ไม่ลบเนื้อหาด้วย ทั้งนี้ยังรวมถึงกรณีบุคคลที่อยู่ระหว่างการลี้ภัย สื่อสาร หรือแชร์ข้อความ ที่โพสต์วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล

ทั้งนี้ในรายงานยังกังวลเรื่อง ข้อมูลพื้นฐานของประชาชนในประเทศ / ระบบยุติธรรม / เสรีภาพในการแสดงออกการสมาคมและการชุมนุมอย่างสงบ / การลอยนวลพ้นผิด / ผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่ลี้ภัย / การสังหารนอกกระบวนการกฎหมายและการบังคับบุคคลให้สูญหาย / การขัดแย้งกันด้วยอาวุธ / การทรมานและการปฎิบัติหน้าที่โหดร้าย / การค้ามนุษย์

amnestyar_filmposter1

โดยช่วงสุดท้ายของการเปิดเผยรายงาน นางปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย และ ดร.อันธิฌา แสงชัย รองประธานกรรมการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวทิ้งท้ายหลังแถลงสรุปภาพรวมรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนทั่วโลกว่า

“และถึงแม้ว่ารายงานฉบับนี้อาจจะไม่สร้างความแปลกใจมากนัก แต่อยากให้ทุกคนนึกต่อไป และตั้งคำถามว่าเราจะร่วมมือกันปกป้องสิทธิมนุษยชนต่อไปอย่างไร?

ดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็ม คลิ๊ก

logodsc07664เวทีเสวนาเรื่อง “70 ปี UDHR สิทธิมนุษยชนศึกษากับประเทศไทย”

ภายหลังการแถลงรายงานฯ มีเวทีเสวนาเรื่อง “70 ปี UDHR สิทธิมนุษยชนศึกษากับประเทศไทย” โดยมี  ดร.วัชรฤทัย บุญธินันท์ สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล, นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ, และนายเปรมปพัทธ ผลิตผลการพิมพ์ ตัวแทนเยาวชน ซึ่งเป็นแอดมินเพจ “เกรียนการศึกษา”

ในวงเสวนา นางกาญจนา ยังกล่าวถึงประเด็นที่น่าสนใจว่า เรื่องสิทธิมนุษยชนไม่ใช่เรื่องของรัฐบาลเพียงอย่างเดียว สิ่งสำคัญคือทุกคนทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลทำคือให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม รวมถึงให้มีการวิพากษ์วิจารณ์

ทั้งนี้การที่นายกรัฐมนตรีประกาศให้สิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติ และระบุจะใช้สิทธิมนุษยชนเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน Thailand 4.0 แต่แอมเนสตี้มีความเห็นว่าเรื่องจริงที่เกิดขึ้นตรงกันข้ามกับสิ่งที่ประกาศนั้น นางกาญจนา กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "ต้องมองว่าทำได้จริงหรือไม่ด้วย วันนี้ทุกคน ทุกฝ่าย ต้องมองอย่างน้ำครึ่งแก้ว รัฐบาลตั้งใจจริง ถ้าไม่กล้าจริงคงไม่ประกาศให้เรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ ดังนั้นจึงถือเป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องนี้"

ด้าน น.ส.ปิติกาญจน์ ตัวแทนนายกฯ กล่าวถึงข้อเรียกร้องให้ยกเลิกโทษประหารชีวิต ว่า รัฐบาลพยายามผลักดันเรื่องนี้อยู่ และได้แก้ไขโทษจากเดิมให้ประหารชีวิตสถานเดียว เป็นโทษจำคุกตลอดชีวิตถึงประหารชีวิต ทั้งนี้ประเทศไทยไม่มีนักโทษประหารมา 8ปีแล้ว

โดยในวงเสวนายังกล่าวถึงหลายประเด็นที่น่าสนใจ อาทิ “เราถูกสอนให้รักกันอย่างเดียว แต่ไม่ได้ถูกสอนให้คิดต่างกันอย่างไรให้อยู่ร่วมกันได้” และ "ทุกวันนี้เราไม่มีทางเลือก เราไม่สามารถเกลียดกันได้เลย เราถูกยัดเยียดให้รักกันเพียงอย่างเดียว" ดังนั้นการเรียนการสอนเรื่องสิทธิมนุษยชน หรือการเรียนการสอนต่างๆ ในประเทศ ควรสอนให้รู้ว่าทุกคนคิดต่างกันได้ แล้วให้ใช้ปัญญาในการถกเถียงกัน โดยการเรียนการสอนไม่ควรเน้นท่องจำ ควรเป็นการมีส่วนร่วมของเยาวชนที่มีความหมายอย่างแท้จริง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook