แค่เอ่ยชื่อไฟก็ดับ ครอบครัวเชื่อวิญญาณ "น้องแอ๋ม" มาร่วมรับฟังการสอบพยานฝ่ายโจทก์เอาผิด "เปรี้ยว หั่นศพ" ที่ศาลขอนแก่น
(22 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.15 น. ที่ศาลจังหวัดขอนแก่น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า องค์คณะผู้พิพากษา ยังคงเบิกตัวผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ประกอบด้วย จำเลยที่ 1 น.ส.ปรียานุช หรือ เปรี้ยว จำเลยที่ 2 น.ส.กวิตา หรือ เอิร์น จำเลยที่ 3 น.ส.จิดารัตน์ หรือ เบนซ์ จำเลยที่ 4 นายวศิน และ จำเลยที่ 5 น.ส.อภิวันทน์ หรือ แจ้ โดยวันนี้เป็นการนัดสอบคำให้การฝ่ายโจทก์ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 8 ชั้น 3 โดยฝ่ายโจทก์และจำเลย เดินทางมาตามการนัดหมายของศาลครบทุกคน
โดยในช่วงเช้า พนักงานอัยการและทนายความฝ่ายโจทก์ ได้เบิกตัว น.ส.อภิชญา หรือ บ๊อบบี้ ซึ่งอยู่กับน้องแอ๋มเป็นคนสุดท้ายก่อนที่จะหายตัวไป เข้าสอบคำให้การ ต่อด้วย น.ส.พิชชาภา แม่ของน้องแอ๋ม ผู้เสียชีวิต จากนั้นเป็นการสืบพยานต่อเนื่องคือ น.ส.ประภาศิริ พี่สาวของ น.ส. เปรี้ยว
นายบุญยง แก้วฝ่ายนอก ทนายความ ของ น.ส.อภิวันทน์ กล่าวว่า 2 วันที่ผ่านมาฝ่ายโจทก์ได้เบิกพยานเข้าสอบคำให้การไปแล้ว 3 ปาก ประเด็นสำคัญที่ทีมทนายฝ่ายโจทก์จะต่อสู้ กับฝ่ายจำเลยนั้น คือ ข้อหาร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งทีมทนายฝ่ายจำเลยได้ซักค้านเพื่อพิสูจน์ว่า จำเลยก่อเหตุโดยไม่เจตนา และไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน แต่ยอมรับว่าได้ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพตามที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา
นายสุชาติ พ่อเลี้ยงของน้องแอ๋ม กล่าวว่า ก่อนสอบคำให้การวันนี้ พ่อและแม่ของนายวศิน จำเลยในคดีนี้ ได้เข้ามาขอโทษกับทางครอบครัว โดยได้พากันเดินออกมาจากหน้าห้องพิจารณาคดีเพื่อพูดคุยกันอยู่ที่หน้าห้องน้ำ ห่างจากห้องพิจารณาคดีไม่มากนัก ซึ่งการพูดคุยกันนั้นส่วนใหญ่เกี่ยวกับเรื่องของน้องแอ๋ม
“ผมจึงบอกไปว่าเรามาพูดแบบนี้ ถ้าน้องแอ๋มยังมีชีวิตแอ๋มไม่พอใจแน่ พูดไม่ทันขาดคำก็เกิดไฟดับทั่วทั้งบริเวณที่ยืนอยู่ ผมจึงบอกว่า นี่แหละคือน้องแอ๋ม ที่มาฟังเราสอบคำให้การในชั้นศาลทุกวัน เพราะที่ผ่านมาเคยมีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ถ้าพูดถึงน้องแอ๋มจะมีเหตุการณ์ไฟดับเกิดขึ้นตลอด ผมจึงบอกว่าให้เลิกพูดเรื่องนี้ แค่พ่อ-แม่ของวศิน มาขอโทษเรา เราก็ดีใจแล้ว หลังจากที่หยุดพูดประมาณ 5 นาที ไฟก็ติด”
นายสุชาติ ยังบอกต่อว่า แต่เมื่อแม่น้องแอ๋มเริ่มพูดถึงน้องอีกครั้งไฟก็เกิดดับขึ้นมาอีก ทุกคนจึงแยกย้ายกันออกมาจากศาล ส่วนสภาพจิตใจของครอบครัว โดยเฉพาะแม่แอ๋ม ขณะนี้ดีขึ้นจากเมื่อก่อนมาก กว่าจะทำใจได้ไม่เป็นอันได้ทำงานทำการ มีอาการซึมเศร้าและพูดพึมพำคนเดียว ส่วนการต่อสู้ทางคดีนั้นให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมายครอบครัวเราเอาความจริงมาสู้เท่านั้น