ฆ่ารัดคอ-แทงไส้ทะลัก หนุ่มนิรนามถูกโยนทิ้งถ่วงแม่น้ำโขง

ชายหนุ่มนิรนามถูกฆาตกรรมโหดเหี้ยม ใช้เชือกไนลอนฆ่ารัดคอ แล้วใช้มีดแทงซ้ำเข้าชายโครงจนไส้ทะลัก ก่อนจะมัดมือมัดเท้าพันด้วยเทปกาวซ้ำมัดด้วยหินหนักกว่า 40 กิโลกรัมโยนทิ้งแม่น้ำโขงอำพรางคดี ตั้งไว้ 3 ประเด็น ขัดผลประโยชน์เรื่องยาเสพติด ทะเลาะวิวาท หรือชู้สาว เร่งพิสูจน์เป็นคนไทยหรือคนลาว

(7 มี.ค.) ร.ต.อ.พิทักษ์ จันตา รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองบึงกาฬ ได้รับแจ้งเหตุพบศพชายถูกฆ่าถ่วงแม้น้ำโขง ลอยอืดมาติดอยู่ที่แพขนานยนต์หน้าด่านศุลกากรบึงกาฬ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยจึงใช้เชือกดึงศพออกมาจากซอกเรือ นำมาขึ้นฝั่งเพื่อชันสูตรที่หน้าวัดป่าบ้านพันลำ

จากการตรวจสอบพบว่าเป็นชายรูปร่างสันทัด สูงประมาณ 165-170 เซนติเมตร ผมสั้น อายุประมาณ 20-30 ปี สภาพศพใส่เสื้อกีฬาสีน้ำเงิน-ขาวแขนสั้น มีตัวหนังสือภาษาอังกฤษสกรีนที่หน้าออกเสื้อว่า british soccer ระบุผลิตที่ประเทศเวียดนาม และกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน มีหมวกเป็นผ้าสีดำ คลุมใบหน้าและศีรษะ ไม่สวมกางเกงใน

ขณะที่บริเวณลำคอ ข้อมือข้อเท้าถูกมัดด้วยเชือกไนลอนสีเขียว และพันทับซ้ำด้วยเทปกาว ตรงเอวมีเชือกมัดหินทรายก้อนใหญ่หนักประมาณ 40 กิโลกรัมมัดติดถ่วงเอาไว้ ซึ่งมีการถักทอด้วยเชือกไนลอนผูกมัดเป็นตาข่ายรอบๆ ก้อนหินกันไม่ให้หลุด หวังให้ศพเปื่อยลอยหายไปกับสายน้ำ

นอกจากนี้ยังพบบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคม 2 แผล ความยาวประมาณ 10 เซนติเมตร บริเวณใต้ชายโครงด้านขวา ทำให้ไส้ทะลักออกมา มีหนอนไต่ยั้วเยี้ย ศพส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3-4 วัน เกิดเหตุเมื่อช่วงเย็นวันที่ 5 มีนาคมผ่านมา

พล.ต.ต.ทิวา บุญดำเนิน ผบก.เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุได้สั่งการให้ตำรวจชุดสืบสวนทั้งภูธรจังหวัดและ สภ.เมืองบึงกาฬ เร่งออกหาข่าวเพื่อคลี่คลายคดีและติดตามจับกุมกลุ่มฆาตกรมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว แต่จากการติดตามแกะรอยผู้ตายไม่มีแจ้งคนหายในท้องที่ใกล้เคียง ซึ่งเป็นไปได้ว่าผู้ตายอาจเป็นคนสัญชาติลาว ถูกฆ่าทิ้งและศพลอยมาติดฝั่งไทยตามกระแสน้ำไหล

แต่จากดูสภาพศพที่มีหินหนัก 40 กิโลกรัม มัดถ่วงเอาไว้ก็น่าจะเป็นไปได้ว่าจุดเกิดเหตุหรือจุดนำศพมาทิ้งไม่น่าจะอยู่ห่างจากจุดพบศพมากนัก เพราะกว่าศพจะลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำได้ต้องใช้เวลา ส่วนสาเหตุการฆาตกรรมนั้นน่าจะเกิดจาก 3 ประเด็นคือขัดผลประโยชน์เรื่องจากเสพติด ทะเลาะวิวาทกัน และเรื่องชู้สาว แต่วิเคราะห์ดูเหตุการณ์แล้วผู้ตายน่าจะไม่ใช่คนไทย เนื่องจากไม่มีการแจ้งคนหาย และเสื้อกีฬาที่ผู้ตายใส่ระบุว่าผลิตในเวียดนาม ซึ่งเป็นเสื้อผ้าที่ไม่เป็นนิยมของคนไทย