โอละพ่อ หนุ่มวัย 22 หายตัว หมอดูทักจมน้ำอยู่ก้นสระ ที่แท้ทำงานอยู่กทม.

โอละพ่อ หนุ่มวัย 22 หายตัว หมอดูทักจมน้ำอยู่ก้นสระ ที่แท้ทำงานอยู่กทม.

โอละพ่อ หนุ่มวัย 22 หายตัว หมอดูทักจมน้ำอยู่ก้นสระ ที่แท้ทำงานอยู่กทม.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (11 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. นางสมยศ อายุ 47 ปี ช่างก่อสร้าง ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.หญิง ลลิตา เณรพงษ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.นาจอมเทียน ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ ว่าลูกชายของตนเองได้หายตัวไป ตั้งแต่ช่วงเวลาเที่ยงคืนกว่าของวันที่ 6 มี.ค.61 ตนเองและญาติๆ ได้ติดตามหาตัวมา 5 วัน แต่ไม่พบ

ตนจึงโทรไปปรึกษากับหมอดูที่อยู่ต่างจังหวัด หมอดูได้บอกตนเองว่า ลูกชายจมน้ำอยู่ในสระน้ำ วัดทรัพย์นาบุญญาราม ต.นาจอมเทียน ใกล้ที่พักคนงาน จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความกับ สภ.นาจอมเทียน เพื่อขอความช่วยเหลือในการติดตามหาศพ

ที่เกิดเหตุเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ มีป่าปกคลุมทั่วบริเวณ เจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำของหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถาน ได้ทำการลงค้นหาภายในสระน้ำดั่งกล่าวเป็นเวลานาน กว่า 3 ชั่วโมง ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ประดาน้ำกำลังค้นหาอยู่นั้น นางสมยศ อายุ 47 ปี แม่ผู้สูญหายได้ลองโทรศัพท์ไปที่เบอร์ของนายศรเพชร ผู้สูญหาย อีกครั้ง

แต่ครั้งนี้กลับสามารถติดต่อได้ และนายศรเพชรได้รับโทรศัพท์และได้ตอบกลับทางปลายสายของนางสมยศ ว่าตอนนี้ตนเองได้เดินทางมาอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ไม่ได้บอกใคร พร้อมบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง จึงทำให้เจ้าหน้าที่ประดาน้ำยุติลงการค้นหาแบบงงๆ

ด้าน นายพิชิต เกรียกกุฑัณ หัวหน้าหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถาน กล่าวว่า สำหรับกรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่างและเป็นอุทาหรณ์ว่า ในการติดต่อประสานงานหรือการติดต่อพูดคุยในครอบครัว เพราะการติดต่อสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าคนหายจริงควรติดต่อเจ้าหน้าที่หรือแจ้งความให้เร็วกว่านี้ เพราะอาจจะทำให้การค้นหาหรือช่วยเหลือนั้นช้าลงได้

เพราะถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงอาจจะพบกับการสูญเสียอันยิ่งใหญ่ ส่วนการพึงหมอดูไสยศาสตร์ ในการระบุตำแหน่งหรือทำนาย นั้นเป็นเรื่องความเชื่อส่วนตัวของแต่ละครอบครับและบุคคล ซึ่งถ้าชาวบ้านประสานขอความช่วยเหลือ เราก็พร้อมจะให้การช่วยเหลือในทันที

ด้าน นางสมยศ แม่ผู้สูญหาย กล่าวว่า ขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทางเจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำของมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถาน ที่ช่วยกันค้นหาลูกชายดังกล่าวถึงแม้ว่าจะเป็นการเข้าใจผิดตนเองรู้สึกซาบซึ้งในการทำงานของทุกหน่วยงานที่ระดมกำลังมาช่วยเหลือ และรับปากว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook