ปิดคดี “เปรี้ยว หั่นศพ” ศาลขอนแก่นนัดฟังคำพิพากษา 29 มิ.ย. 2561 ทนายจำเลยเผย ผู้ต้องหาสารภาพว่าฆ่าแต่ไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน
เมื่อเวลา 17.30 น. (15 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากที่ศาล จ.ขอนแก่น มีคำสั่งยุติการสอบคำให้การพยานฝ่ายจำเลย ตามการนัดหมาย ที่ได้กำหนดสอบคำให้การฝ่ายโจทก์ และฝ่ายจำเลย ในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ระหว่างโจทก์ คือพนักงานอัยการ จ.ขอนแก่น กับ จำเลย ประกอบด้วย น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือเปรี้ยว จำเลยที่ 1 / น.ส.กวิตา ราชดา หรือ เอิร์น จำเลยที่ 2 / น.ส.จิดารัตน์ พรมคุณ หรือ เบนซ์ จำเลยที่ 3 / นายวศิน นามพรม จำเลยที่ 4 และ น.ส.อภิวันทน์ สัตยบัณฑิต หรือแจ้ จำเลยที่ 5
โดยในวันนี้เป็นนัดสุดท้าย ซึ่งถือว่าขั้นตอนของการไต่สวนในลำดับขั้นตอนของการพิจารณาเสร็จสิ้นในภาพรวม ศาลจึงมีคำสั่งควบคุมตัวผู้ต้องหาที่ 1-2 และ 5 กลับไปคุมขังต่อที่เรือนจำกลางขอนแก่น ส่วน จำเลยที่ 4 ส่งตัวกลับไปทำการคุมขังที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น และจำเลยที่ 3 นั้น อยู่ในช่วงของการประกันตัวของกระทรวงยุติธรรมศาลจึงมีคำสั่งให้กลับบ้านได้
นายบุญยงค์ แก้วฝ่ายนอก ทนายความฝ่าจำเลย กล่าวว่า จำเลยทั้ง 4 คนที่ถูกคุมขังนั้นยืนยันในการไม่ขอประกันตัว และได้ขอร้องต่อศาลในการพิจารณาคดีนี้ ที่มีคำสั่งในการนับวันคุมขังนับควบรวมกับผลการพิจารณาคดีไปด้วย นอกจากนี้ หลังสิ้นสุดกระบวนการพิจารณาไต่สวนครบทุกปากแล้ว ทีมทนายความยังคงขอใช้สิทธิ์ในระยะเวลา 30 วัน นับจากนี้ ที่จะส่งแถลงปิดคดี ตามสิทธิ์อันพึงมีต่อศาล ในการใช้เป็นแนวทางการพิจารณาคดีและพิพากษาของศาลด้วย
นายอมรพงษ์ จันทร์กวี ทนายความของ น.ส.เปรี้ยว จำเลยคนสำคัญในคดี กล่าวว่า น.ส.เปรี้ยวนั้น รับว่าฆ่า น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย หรือ น้องแอ๋ม จริง แต่ไม่ได้กระทำการโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่กระทำไปโดยการพลั้งมือ จนผู้ตายนั้นเสียชีวิต ส่วนการหั่นศพนั้น ทุกคนได้ร่วมมือกัน ดังนั้นถึงเวลานี้แล้ว จำเลยที่ 1 รับสารภาพว่าหั่นศพ ซ่อนเร้นและอำพรางศพ, ฆ่าคนตายโดยการพลั้งมือ, จำเลยที่ 2 รับสารภาพว่าร่วมกันหั่นศพ ซ่อนเร้นและอำพรางศพ, จำเลยที่ 3 รับสารภาพว่ารับของโจร, จำเลยที่ 4 รับสารภาพว่าหั่นศพ ซ่อนเร้น และอำพรางศพ และจำเลยที่ 5 รับสารภาพว่า ร่วมกันหั่นศพ ซ่อนเร้นและอำพรางศพ รวมทั้งข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนด้วย
ขณะที่ นายนพดล สีดาทัน ทนายความฝ่ายโจทก์ร่วม กล่าวว่า มั่นใจในพยานหลักฐานที่ฝ่ายโจทก์ได้นำแถลงต่อศาล จากนี้ไปท่านผู้พิพากษาจะเข้าสู่ขั้นตอนของการพิจารณาคดี ซึ่งคดีนี้เป็นคดีสะเทือนขวัญ เป็นคดีที่มีคนสนใจ จึงอาจจะมีการหารือร่วมกันขององค์คณะผู้พิพากษาในระดับสูง จนนำไปสู่การพิจารณาตัดสินในคดีนี้ ครอบครัวของผู้ตาย ซึ่งมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของไทยและมีความมั่นใจว่า ศาลท่านจะมีคำพิพากษาลงโทษผู้กระทำผิดอย่างเหมาะสม โดยศาลได้นัดพร้อมเพื่อฟังคำพิพากษาในคดีดังกล่าวนี้ในเวลา 10.00 น. วันที่ 29 มิ.ย.2561