ญาติน้องอิงค์นิสิตสาวปี 3 ติดใจการทำงานแพทย์-พยาบาลโรงพยาบาลดังอ่างทอง หลังยื้อเวลาจนอาการทรุดหนักสุดท้ายเสียชีวิต ลั่นรอคำชี้แจงจากผู้บริหารก่อนเดินหน้าทวงความเป็นธรรม ผอ.โรงพยาบาลแจงทำตามขั้นตอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ศาลาพิทักษ์จันทรังษี วัดจันทรังษี อ.ต.หัวไผ่ อ.เมือง จ.อ่างทอง ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพของ “น้องอิงค์” วัย 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะมนุษยศาษตร์ฯ สาขานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งประสบอุบัติเหตุตกรถจักรยานยนต์ ขณะที่ นายอำนวย พ่อขับรถรับกลับเข้าบ้านพักหลังกลับจากเรียนที่มหาวิทยาลัย เมื่อเย็นวันที่ 12 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมา
ก่อนทางญาตินำตัวส่งโรงพยาบาลอ่างทองและส่งตัวต่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยาและเสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา โดยทางญาติและเพื่อนๆที่เดินทางมาร่วมรดน้ำศพต่างอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจ เนื่องจาก น้องอิงค์ เป็นที่รักของเพื่อนๆและเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัว โดยทางญาติๆ และเพื่อนต่างพุดคุยก็การรักษาพยาบาลที่มีความล่าช้า ทำให้อาการของน้องอิงค์ทรุดหนักจนเสียชีวิต
นายอำนาจ พ่อของน้องอิงค์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ตนขับรถจักรยานยนต์ไปรับลูกสาวที่เดินทางกลับจากเรียนเพื่อจะเข้าบ้านขณะที่กำลังขับรถมาตามถนนริมคลองชลประทานซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และเกิดอุบัติเหตุตกหลุมทำให้น้องอิงค์ตกรถหัวกระแทกพื้น ตนพร้อมญาติรีบนำตัวส่ง รพ.อ่างทอง ถึงโรงพยาบาลอ่างทอง เวลา 17.45 น.
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้นำน้องอิงค์เข้าห้องฉุกเฉินและไม่ให้ญาติเข้า กระทั่งเวลาประมาณ 20.30 น. จึงพาน้องอิงค์เอกซเรย์และกลับมาบอกว่ารอผลอีก 1 ชั่วโมงครึ่ง ต่อมาเวลา 22.30 น.ทางญาติเห็นว่านานผิดปกติจึงเดินเข้าไปสอบถามพยาบาล ซึ่งก็ได้รับแจ้งว่าน้องอิงค์สมองบวม ต้องส่งตัวไปรักษาที่ รพ.พระนครศรีอยุธยา จนกระทั่งเวลา 23.30 น.เมื่อคนไข้ถึง รพ.อยุธยาทางโรวพยาบาล แจ้งว่า น้องมาช้าไป เกิดอาการสมองตายไปแล้ว
ขณะที่ นายรักพงษ์ จันทร์มา พี่ชายของผู้ตายเปิดว่าเมื่อได้รับแจ้งจากญาติว่าน้องประสบอุบัติเหตุจึงเดินทางกลับมาถึงที่ รพ.ประมาณ 22.00 น.เห็นน้องมีอาการชักเกร็ง จึงถามว่าทำอะไรกันอยู่ จึงแจ้งว่าไปโรงพยาบาลไหนก็ได้ที่มันผ่าตัดสมองได้ สักพักจึงมีรถพยาบาลย้ายน้องอิงค์ไปโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา แต่เมื่อไปถึงก็ทางหมอก็บอกว่าช้าไปไม่สามารถช่วยน้องได้ ตั้งแต่เกิดเหตุกว่า 4 ชั่วโมง ทำอะไรกันอยู่ ตอนนี้อยากให้ทางแพทย์ออกมาชี้แจงให้ฟังว่าทำไมถึงช้าขนาดนี้ ส่วนการดำเนินการขั้นต่อไปคงต้องปรึกษากับทางครอบครัวก่อน
ทางด้าน นายแพทย์พงษ์นรินทร์ ชาติรังสรรค์ ผอ.โรงพยาบาลอ่างทอง ซึ่งอยู่ระหว่างไปราชการที่กรุงเทพมหารนครให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าวว่า เบื้องต้นได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในห้องฉุกเฉินทำหนังสือรายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในวันนั้นเพื่อดูว่าเหตุการณ์เป็นเช่นไร แต่เท่าที่ทราบก็คือการทำงานของเจ้าหน้าที่ทำตามลำดับขั้นตอนและมีญาติพูดคุยกันตลอดเวลา
แต่เนื่องจากน้องมีอาการหนักทำให้ต้องประสานโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยาซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีแพทย์ด้านสมองประจำอยู่ เบื้องต้นทางแพทย์และเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนการรักษา แต่ก็ขอเวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนเพื่อที่จะเข้าพูดคุยกับทางญาติให้เข้าใจถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่